มูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ วัดป่าบ้านตาด กลุ่มศรีไทยใหม่ และชาวอุดรธานี ประกาศข่าวดีวันฉลองตั้งเมืองก้าวเข้าปีที่ 132 เริ่มงานโครงการย้ายวังตรอกสาเก วังประทับกรมหลวงประจักษ์ฯ มาอนุรักษ์ไว้ที่เมืองอุดรธานี หลังกรมธนารักษ์ประมูลรื้อออก กลุ่มศรีไทยไหมตามไปซื้อต่อ จ้างสถาปนิกถอดแบบสามมิติ กำหนดระนัดรื้อย้ายทุกชิ้น มอบให้มืออาชีพย้ายมาที่อุดรธานีแล้ว กำลังหาพื้นที่เหมาะสมประกอบขึ้นอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 นายกอบเกียรติ กาญจนะ รองประธานมูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม อดีตรองผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ในวันที่ระลึกก่อตั้งเมืองอุดรธานีก้าวเข้าสู่ปีที่ 132 ได้รายงานนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี (เหลนกรมหลวงประจักษ์ฯ) ถึงความคืบหน้า “โครงการอนุรักษ์สถาปัตย์กรรมวังตรอกสาเก” วังที่ประทับของพลตรีพระเจ้าบรมวงษ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ที่เป็นข่าวดีของชาวอุดรธานีว่า มูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ร่วมกับวัดป่าบ้านตาด และกลุ่มศรีไทยใหม่ จ.อุดรธานี ได้เคลื่อนย้ายไม้ทั้งหมด ของอาคารหลังใหญ่ วังตรอกสาเก (หลังโรงแรม รัตนโกสินทร์ กทม.) ซึ่งตั้งอยู่ในที่ดินกรมธนารักษ์ มาเก็บรักษาไว้ที่ จ.อุดรธานี เพื่อนำมาประกอบกลับเป็นอาคารวังเดิม ในพื้นที่อุดรธานี กำลังเลือกสถานที่ตั้ง ท่านองคมนตรีรับทราบและให้คำแนะนำ พร้อมระบุว่าพี่สาวของท่านองคมนตรี เคยอยู่ที่วังตรอกสาเกจะให้ข้อมูลได้มาก ซึ่งเป็นโอกาศดีที่ชาวอุดรธานีจะได้ร่วมในโครงการนี้
“ ชาวอุดรธานีได้ยกย่องกรมหลวงประจักษ์ฯ มีพระปรีชาเลือกบ้านหมากแข้งตั้งทัพ จนพัฒนากลายเป็นเมืองอุดรธานี พระองค์ท่านก็คือผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี จนเกิดการฉลองก่อตั้งเมืองลุเข้าปีที่ 100 ของนายสุพร สุภสร ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานีในขณะนั้น และได้ก่อตั้งมูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมขึ้น โดยได้นำเงินเหลือจากการจัดงานก่อตั้งมูลนิธิฯ เพื่อเชิดชูบูชาในพระมหากรุณาธิคุณ พระเกียรติคุณของพระองค์ ซึ่งได้สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน และในการฉลองเมืองอุดรธานีลุเข้าสู่ปีที่ 131 มีนายวันชัย คงเกษม เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด มูลนิธิได้มีมติจัดสร้าง พิพิธภัณฑ์กรมหลวงประจักษ์ฯขึ้นมา บริเวณชั้น 2 อาคารเหล่ากาชาดอุดรธานี (พระตำหนักกรมหลวงประจักษ์) สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี ซึ่งได้เปิดอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อ 16 กุมภาพันธุ์ 2567 ใช้งบประมาณ 6.2 ล้านบาท เป็นเงินบริจาคของชาวอุดรธานี งานย้ายวังตรอกสาเกจะเป็นงานสำคัญอีกครั้ง
นายโอฬาร ตรังคานุกูลกิจ ตัวแทนกลุ่มศรีไทยใหม่ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า กลางเดือนธันวาคมปีก่อน มีเพื่อนไปซื้อไม้อาคารหลังเล็ก “วังตรอกสาเก” เมื่อรู้เป็นวังกรมหลวงประจักษ์ฯ ที่ชาวอุดรฯเคารพนับถือ ได้โทรบอกตนว่า ยังมีอาคารไม้หลังใหญ่กำลังจะถูกรื้อ หากจะอนุรักษ์ต้องตัดสินใจทันที จึงปรึกษากันในครอบครัว ตัดสินใจซื้ออาคารหลังนั้น ต่อจากผู้รับสิทธิจากผู้ประมูลได้ทันที ได้ตั้งทีมสถาปนิกเขียนแบบแปลน เป็นไฟล์ดิจิตัลทั้งสองมิติและสามมิติ ใช้ทีมรื้อบ้านมืออาชีพ ที่สามารถเอากลับไปประกอบใหม่ได้ มีการกำหนดระหัดไม้ทุกชิ้น พร้อมปรึกษากับอดีต ผวจ.อุดรธานี “อำนาจ ผการัตน์” ท่านฯเดินทางไปดูด้วยตนเอง แล้วไปคุยกับอดีตรองผู้ว่า “กอบเกียรติ กาญจน” รองประธานมูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ ยกทีมช่างจาก ทน.อุดรธานี ไปช่วยกันให้คำปรึกษา ขณะนี้ไม้ทั้งหมดขนมาเก็บไว้ที่อุดรฯแล้ว เป็นไม้สักทองทั้งหมด โครงสร้างยังสมบูรณ์ดี มีเพียงไม้ฝาที่ชำรุดเสียหาย รวมค่าใช้จ่ายในการซื้อสิทธิ การรื้อ ค่าขนย้าย และตามไปซื้อไม้บางส่วนที่ถูกขายไปก่อนคืน รวมแล้วราว 3 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงด้วยว่า “ โครงการอนุรักษ์สถาปัตย์กรรมวังตรอกสาเก” ได้กำหนดแผนงานออกเป็น ข้อมูลและการวิเคราะห์ด้านประวัติศาสตร์ ที่มาการก่อสร้าง เรื่องราววิถีการพำนักอาศัย กิจกรรมต่างๆ ข้อมูลรายละเอียดสถาปัตยกรรม ข้อมูลเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ พร้อมแนวคิดนำเสนอ การอนุรักษ์และการจัดแสดง โดยมีการเขียนแบบแปลน เป็นไฟล์ดิจิตัลสองและสามมิติ และการจัดทำภาพจำลองเสมือนจริงจากคอมพิวเตอร์ และภาพผังการก่อสร้างที่จำลอง พื้นที่บริเวณด้านข้างของ พระตำหนักหนองประจักษ์ศิลปาคม คาดว่าจะใช้งบประมาณจากชาวอุดรธานี ไม่ใช้งบประมาณของทางราชการราว 20 ล้านบาท…