วันระลึกตั้งเมืองอุดรธานี ลานพระอนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ และถนน 5 สาย สวมเสื้อสีแสดรำถวายพร้อมเพรียง เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่เท่าก่อนสถานกรณ์โควิด-19
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 ที่พระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม อ.เมือง จ.อุดรธานี นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เดินทางมาเป็นประธาน ประกอบพิธีเนื่องในวันระลึกการก่อตั้งเมืองอุดรธานี ลุเข้าสู่ปีที่ 131 ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 131 รูป , ถวายสักการะ , พิธีสงฆ์ , สู่ขวัญบ้าน-สู่ขวัญเมือง , อ่านประกาศสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม มีคณะราชสกุลทองใหญ่ มาร่วมพิธีเช่นทุกปี ท่ามกลางผู้มาร่วมพิธีมากกว่า 15,000 คน
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี นำหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ร่วมพิธี เพื่อระลึกถึงวันที่พลตรีพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ขณะทำหน้าที่ “แม่ทัพฝ่ายเหนือ” เคลื่อนทัพไพร่พลและประชาชน จากเมืองหนองคาย มาถึงบ้านเดื่อหมากแข้ง ด้วยพระปรีชาในการเลือกเป็นที่ตั้งทัพ ทำให้บ้านเมืองเติบโตต่อเนื่อง จากมณฑลฝ่ายเหนือ-มณฑลอุดร-จังหวัดอุดรธานี จนกลายเป็นศูนย์กลางอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ชาวอุดรธานีได้เลือกวันนี้จัดพิธีบวงสรวงสักการะ ดวงวิญญาณของพระองค์ พร้อมสู่ขวัญบ้าน-สู่ขวัญเมือง ที่ลานพระอนุสาวรีย์ฯ
พร้อมกันนี้ประชาชนได้ร่วมกัน รำบวงสรวงถวายแด่พระองค์ จากการรำ บวงสรวงเฉพาะนางรำทุกปี ก็เปิดโอกาสให้ประชาชน ร่วมฝึกซ้อมและรำถวายด้วย ครั้งแรกเมื่อ 18 มกราคม 2536 ด้วยผู้นำเป็นทั้งหญิงและชาย สวมเสื้อมีแสด ซึ่งเป็นสีของดอกทองกวาว ที่บานตลอดเส้นทางเคลื่อนทัพ , สวมผ้าซิ่งสีเข้ม , ผมทัดด้วยดอกทองกวาว และมือถือมาลัยกร พลังศรัทธาทำให้มีผู้มารำเพิ่มขึ้นทุกปี จนถนนมุ่งสู่พระอนุสาวรีย์ 5 สาย กลายเป็นดาวสีแสด 5 แฉก จึงถูกบันทึกเป็นสถิติโลก “รำไทยมากที่สุดในโลก” แม้ในช่วงโควิด-19 ก็ใช้การรำตามสถานที่ต่าง ๆ และออนไลน์มาที่พระอนุสาวรีย์
โดยมีปีนี้ มล.สราลี กิติยากร มาร่วมรำเช่นทุกปี รวมทั้งชาวอุดรธานีที่มีชื่อเสียง อาทิ แม่นกน้อย อุไรพร , น้องนีน่า ณัฐชา พาโดวัน , ธิดาผ้าหมี่ขิดอุดรธานีประจำปีนี้ นอกจากนี้ยังมีผู้มีชื่อเสียง อาทิ นางสาวมานิต้า ดวงคำ ฟาร์เมอร์ นางสาวไทย 2565 และนักแสดงจากช่อง 3 น้องเดนิส เจลีลชา คัปปุน , ไรอัล ปัญญา แม็คเชน , โดม เพชรธำรงชัย , เพชร ฤทธิ์ชนนท์ ศรีประสิทธิ์เดชา , ก้อง คุปต์พงษ์ ชำนาญยง และนะโม เลอบิเย รวมทั้ง เก่ง ธชย มาร่วมรำเป็นปีที่สอง
นางรัชนี อิงพงษ์พันธุ์ อายุ 58 ปี นักธุรกิจจาก จ.สุรินทร์ 1 ในผู้รำบวงสรวงปีนี้ เล่าว่า พ่อเป็นเหลนของกรมหลวงประจักษ์ฯ ท่านใช้นามสกุลทองใหญ่ ตนก็เคยใช้ตอนนี้ใช้นามสกุลสามี ที่บ้านไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องนี้ แต่ส่วนตัวติดตามมาตลอด รวมทั้งงานบวงสรวงทุกปี รับรู้ว่าชาวอุดรธานีรักและศรัทธาพระองค์มาก มีโอกาสก็มากราบพระอนุสาวรีย์ ปีนี้เป็นปีแรกที่มารำบวงสรวง ตั้งใจและฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี
นางนุชนาถ แก้วคำ อายุ 57 ปี ครูภาษาไทย โรงเรียนบ้านหมากแข้ง เล่าว่า รำถวายกรมหลวงประจักษ์ฯมา 5-6 ปีแล้ว รำทุกปีไม่เว้น แม้แต่ช่วงโควิด-19 ไม่ได้มารำที่พระอนุสาวรีย์ แต่ก็รำแบบเว้นระยะห่างที่โรงเรียน โดยทุกปีโรงเรียนก็จะเปิดเพลง ฝึกซ้อมกันในช่วงนี้ทุกวัน ทำให้แต่ละปีไม่ต้องฝึกซ้อมมากนัก เหมือนกับอยู่ในสายเลือดแล้ว นอกจากความศรัทธาในพระองค์แล้ว การได้มารำเหมือนกับเป็นสิริมงคล รำแล้วก็มักจะมีเรื่องดี ๆเกิดขึ้น และจากสถานการณ์โควิด-19 คนมารำน้อยกว่าก่อนมีโควิด-19…
