เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 17 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางประครอง สีแดงฮอวน อายุ 57 ปี อยู่เลขที่ 38 ม.3 บ.โนนผักหอม ต.วังสามหมอ จ.อุดรธานี หลังเกิดเหตุนายกฤษณะ ศรีสวัสดิ์ อายุ 28 ปี ลูกชายเสพยาบ้าคุ้มคลั่ง พยายามจะข่มขืนพี่สาวในบ้าน จึงไปแจ้งตำรวจ สภ.วังสามหมอ มาระงับเหตุ แต่นายกฤษณะฯขัดขืนใช้มีดฟันสู้ตำรวจ จนต้องใช้กระสุนยางยิงแต่นายกฤษณะไม่หยุด จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงสกัด 1 นัด เข้าทรวงอกได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดเวลา 16.40-19.30 น. วันที่ 15 กันยายน 2567
นางประครอง เล่าว่า แยกทางกับสามีตั้งแต่ลูก 3 คนยังเด็ก ทำงานรับจ้างทั่วไป เลี้ยงลูกตามลำพัง คนโตและคนกลางเป็นผู้หญิง ส่วนคนเล็กเป็นผู้ชายชื่อนายกฤษณะ เกเรเสพติดยาบ้าตั้งแต่อายุ 18 ปี ต่อมาถูกจับข่มขืนเด็กหญิงอายุ 13 ปี รับโทษจำคุก 8 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมา 2-3 เดือน ก็ไม่ยอมทำงาน เสพยาบ้าหนัก พอเมาก็จะอาละวาด พี่สาวคนกลางไปเช่าบ้าน เคยพานายกฤษณะไปอยู่ด้วย แต่น้องจะข่มขืนพี่สาว จึงไล่กลับมาบ้าน นายกฤษณะมักจะลับมีดคมๆ นำมาถือ ตนกลัวจนต้องไปขอนอนบ้านญาติ
“ วันเกิดเหตุนายกฤษณะเมายา ถือมีดยาวอาระวาดเดินไปมา ใช้ก้อนหินขว้างปาบ้านพี่สาว และขว้างปาก้อนหินใส่ชาวบ้านผ่านไปมา และจะเข้าไปข่มขืนพี่สาวในบ้าน แต่พี่สาวปิดประตูบ้านได้ทัน เกรงว่าลูกสาวจะได้รับอันตราย จึงแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน พบนายกฤษณะถือมีดหลบอยู่บนบ้าน ตำรวจเจรจาให้วางอาวุธและลงมามอบตัว แต่นายกฤษณะไม่ยอมมอบตัว และสู้ตำรวจ จึงถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ”
นางประครอง เล่าต่อว่า ยอมรับว่าเสียใจที่ลูกชายเสียชีวิต แต่ก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่คิดว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ไม่ติดใจการเสียชีวิต ครั้งแรกจะมอบศพให้มูลนิธิฯ เพราะฐานะทางบ้านยากจน ไม่มีเงินฌาปนกิจ แต่สงสารลูกจึงจะไปรับศพมาทำพิธีทางศาสนา และอยากบอกลูกชายว่า ให้ไปดีสมสุข ไปเกิดที่ร่ำรวย ไม่สูบยาบ้าอีก
ส่วนนางดอกแก้ว เฟรนซ์ อายุ 34 ปี พี่สาวนายกฤษณะ เล่าว่า น้องชายเสพยาบ้าอาละวาดตลอด น้องชายจะอยู่กับแม่ แต่น้องอาละวาดหนักแม่ก็จะหนีไปนอนบ้านญาติ ตนและน้องสาวก็แยกมาเช่าบ้านอยู่ เพราะเคยถูกน้องขว้างปาก้อนหินใส่จนบาดเจ็บ ตนจะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ให้เงินน้องชายสัปดาห์ละ 500 บาท แต่พูดมากไม่ได้น้องจะทำร้าย จนวันนี้น้องชายก็อาระวาดอีก ถือมีดบุกจะบุกเข้ามาหาตน แม่กลัวว่าตนจะถูกน้องทำร้าย จึงไปแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ การที่น้องชายเสียชีวิตก็รู้สึกสงสาร
พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตำรวจนำกำลังสายตรวจ และสืบสวน 10 กว่านาย พร้อมอุปกรณ์ไม้ง่ามออกไประงับเหตุ เพราะนายกฤษณะมีประวัติข่มขืน เสพยาบ้า พยายามข่มขืนพี่สาวทั้งสองคน เมื่อไปถึงก็ใช้ยุทธวิธีตำรวจตามขั้นตอน ครั้งแรกใช้การเจรจาก่อน ตั้งแต่ 16.40 น. ก็ไม่ยอมวางอาวุธและมอบตัว จึงใช้สเปรย์พริกไทยฉีดเข้าไปในห้อง ก็ยังไม่ยอมมอบตัวอีก จนมืดค่ำตำรวจจึงตัดสินใจปีนบันไดขึ้นไป พอตำรวจโผล่ขึ้นไปนายกฤษณะได้ใช้มีดฟัน ตำรวจจึงใช้ไม้ง่ามรับเอาไว้ ครั้งแรกตำรวจใช้กระสุนยางยิงสกัด
“ แต่นายกฤษณะยังวิ่งเข้าใส่ตำรวจ จึงได้ยิงด้วยกระสุนจริง โดนหน้าอกล้มลง ตำรวจรีบนำตัวส่ง รพ.และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งจากการชันสูตรพบกระสุนลูกปรายทะลุหัวใจ 1 นัด ส่วนแม่และญาติไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิต เพราะเห็น และได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวน เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ”