รัฐบาลภายใต้การนำของ “นายกเศรษฐา ทวีสิน” เมื่อครั้งเดินทางมาติดตามการก่อสร้าง “อ่างห้วยปากแบ่ง” ได้ประกาศนำร่องโครงการ “หนองวัวซอโมเดล” ต.หมากหญ้า ต.หนองบัวบาน และ ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ในการนำพื้นที่ของทหาร ที่ไม่ใช้ประโยชน์ มาจัดสรรให้ประชาชน มาตั้งแต่ต้น พ.ย.2566 และวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯจะมามอบเอกสารเช่าที่ดินรัฐ ณ ที่ว่าการ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี โดยมีเป้าหมายขยายไปทั่วประเทศ
“หนองวัวซอโมเดล” อยู่ในพื้นที่ฝึกของกองทัพบก 39,234-2-16 ไร่ แต่ใช้พื้นที่ฝึก 28,357-1-70 ไร่ ที่เหลือสามารถสร้างประโยชน์ให้ประชาชน 10,476 ไร่ โดยในช่วงปี 2565-2566 กองทัพบก ร่วมกับ กรมธนารักษ์ ได้เข้าสำรวจและทำความเข้าใจ กับผู้บุกรุกมาอาศัยและทำกิน เพื่อให้ได้รับสิทธิการ “เช่า” จากกรมธนารักษ์ ตามแผนงาน “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” มีการจัดทำแผนที่แสดงขอบเขตได้ 901 ราย (1,386 แปลง) แบ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัย 220 แปลง พื้นที่เกษตรกรรม 1,166 แปลง โดยผ่านการสอบสวนสิทธิการครอบครอบ 871 ราย (1,341 แปลง) แบ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัย 218 แปลง พื้นที่เกษตรกรรม 1,123 แปลง
เดิมมีแผนการมอบเอกสารการเช่า ปลายธันวาคมเป็นของขวัญปีใหม่ ต้องสะดุดลงเมื่อมีชาวบ้านจาก ต.หมากหญ้า ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน และร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี , กมธ.ทหาร – กมธ.ที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้สอบสวนสิทธิฯก่อน เพราะชาวบ้านมาอยู่ก่อนทหาร พร้อมระบุว่าถูกทหารหลอกให้ไปชี้แนวเขต เพื่อออกเอกสารสิทธิไม่ใช่การให้เช่า หรือกล่าวหาว่า “หลอกให้ชาวบ้านต้องเช่าที่ดินตนเอง” ทำให้ขั้นตอนการแสดงตัวเช่ามีปัญหา โดยมีประธาน กมธ. 2 คณะ ลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริงด้วยตนเอง
ชาวบ้านแบ่งเป็น 3 กลุ่ม 1. ต้องการสอบสวนสิทธิพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่ทำกินก่อน ว่าอยู่อาศัยและทำกิน มาก่อนที่ทหารเข้ามาใช้พื้นที่ , 2. ยอมรับกติกาและจ่ายเงินไปแล้ว และ 3. ต้องการให้ลดค่าเช่าและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ลง ซึ่งอุดรธานีเสนอขอให้กรมธนารักษ์พิจารณา สรุปว่าให้ปรับลด 1.ค่าเช่าพื้นที่อยู่อาศัยจาก ตรว.ละ 50 สต./เดือน เป็นพื้นที่ต่ำกว่า 100 ตรว. ค่าเช่า 25 ส.ต.ต่อเดือน และมากกว่า 100 ตรว. 50 ส.ต./เดือน , 2.ค่าเช่าพื้นที่การเกษตรจาก 200 บ./ไร่/ปี เป็นพื้นที่ต่ำกว่า 50 ไร่ 20 บ./ไร่ต่อปี มากกว่า 50 ไร่ 30 บ./ไร่/ปี
นอกจากนี้ยังให้ยกเว้น ค่าธรรมเนียมแรกเข้า , ค่ารังวัด และไม่เรียกเก็บหลักประกันสัญญาเช่าเท่ากับค่าเช่า 1 ปี โดยกำหนดระยะเวลาสัญญาเช่า 3 ปี 1 ธ.ค.66-30 พ.ย.69 สำหรับผู้ที่ได้ยืนขอเช่าก่อนหน้านี้ ให้ยื่นขอคืนเงินส่วนเกินได้ และผู้ที่ไม่เข้าร่วมโครงการเช่า สามารถยื่นขอพิสูจน์สิทธิตามกฎหมาย ว่าได้เข้าอยู่อาศัย และทำกิน ก่อนที่ภาครัฐจะเข้ามาใช้พื้นที่
ทำให้มีชาวบ้านที่ผ่านการสำรวจ แบ่งแปลงพื้นที่ผังไปแล้ว ทั้งที่อยู่อาศัย ทำสวนยาง ปลูกมันสำปะหลัง และอื่น ๆ เปลี่ยนใจเข้ามารับการสอบสวนสิทธิ รับการสอบสวนเพื่อทำสัญญาเช่า พร้อมชำระเงิน กับกรมาธนารักษ์ รวม 434 ราย 584 แปลง แบ่งเป็นเพื่ออยู่อาศัย 105 แปลง เนื้อที่ 39-2-87 ไร่ ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 479 แปลง เนื้อที่ 3,133-2-97 ไร่ คนเหล่านี้จะเป็นชุดแรก ที่จะได้รับเอกสาร “การเช่า” จากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567
น.ส.ชลิดา จุระ อายุ 41 ปี ชาวบ้านหมากหญ้า ม.8 ต.หมากหญ้า เล่าว่า เกิดและโตที่นี่มีที่ดินทำกิน 18 ไร่ รับมรดกมาจากพ่อ และพ่อก็รับมรดกมาเช่นกัน ตอนนี้เป็นสวนยางพารา และไร่มันสำปะหลัง เคยไปเสียภาษีบำรุงท้องที่กับ ผญบ. แต่ตอนหลังมีการยกเลิก เพราะเป็นพื้นที่ฝึกของทหาร แต่ก็ยังเข้ามาทำกินได้ เมื่อราชการจะให้เช่าก็เข้าร่วม เพราะจะได้มีที่ดินถูกกฎหมาย เป็นมรดกตกทอดต่อไป มีถนนหนทางไปมาสะดวกขึ้น
“ ในสัญญาเช่าก็ใช้ชื่อ น.ส.ชลิดา รู้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นการเช่า นำเจ้าหน้าที่เข้ารังวัดยืนยันแนวเขต เข้ารับการสอบสวนสิทธิ และทำสัญญาเช่าในกลุ่มแรก คือในกลุ่มที่มีการจ่ายเงินตามยอดเดิม ยังไม่มีการลดยอดเงินลงมา โดยจ่ายไปราว 23,800 บาท และเมื่อราชการลดยอดเงินลงมา ก็ได้ไปทำเรื่องขอเงินคืนแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอน จำไม่ได้ว่าจะได้คืนเท่าไหร่ โดยวันที่ 19 ก.พ.นี้จะไปรับเอกสารเช่าด้วยตัวเอง ”
นางนาง นามสมมุติ อายุ 40 ปี เจ้าของร้านขายของชำ เล่าว่า สามีเป็นชาวบ้านหมากหญ้า มีที่ดินในเขตทหาร 2 แปลง แปลงแรก 60 ตรว.เป็นบ้านพักอยู่ในหมู่บ้าน แปลงที่สอง 1 ไร่ 1 งาน เป็นร้านของชำและทำเกษตร หลังจากรังวัดยืนยันแปลง ราชการก็แจ้งให้ไปจ่ายเงิน แปลงบ้านพัก 2,700 บาท แปลงที่เป็นร้านและสวน 3,400 บาท เห็นว่ามันเป็นเงินจำนวนมาก จึงยังไม่ไปทำสัญญาเช่า จนเขาลดจำนวนเงินลงมาก ก็ไปทำสัญญาเช่าแล้ว 1 แปลง จากยอดเดิม 3,400 บาท ลดลงเหลือ 400 บาท ส่วนอีกแปลงขอให้เจ้าหน้าที่แจ้งมาก่อน
โครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” ภายใต้โครงการนำร่อง “หนองวัวซอโมเดล” ได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้าน ที่บุกรุกพื้นที่การฝึกทหาร มาเช่าพื้นที่ให้กับทางราชการ ชาวบ้านจะได้รับประโยชน์ 1.การบริหารจัดการที่ราชพัสดุเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน , 2. การอยู่ในที่ดินของรัฐโดยชอบด้วยกฎหมาย , 3. การกระจายการถือครองที่ดิน , 4. การรับสวัสดิการแห่งรัฐอย่างถูกต้อง และ 5. สามารถนำสิทธิการเช่าไปผูกพันเงินกู้เพื่อเป็นแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ ….
พื้นที่พร้อมให้เช่า 10,476 ไร่ มีการเช่าไปแล้ว 3,171 ไร่เศษ คงจะต้องรอว่าหลังจากมอบเอกสารเช่า คนที่เช่าได้เข้าไปปลูกสร้างบ้าน ก่นถางทำการเกษตรได้จริง จะมีชาวบ้านมาเช่าเพิ่มหรือไม่ และที่สุดจะมีชาวบ้านที่คน ที่เลือกยื่นขอสอบสวนสิทธิ ว่ามาอยู่ก่อนที่ทหารจะมาใช้พื้นที่ เพื่อขอออกเอกสารสิทธิ หรือโฉนด แทนการเช่าตามโครงการ “หนองวัวซอโมเดล”