อ่างฯห้วยปากแบ่ง อันเนื่องจากพระราชดำริ ชป.ยืนยันมีศักยภาพจุ 1.66 ล้าน ลบม. งบ 170 ล้าน แต่ยังติดปัญหาชาวบ้านบุกรุก ต้องคืนพื้นที่ให้ มทบ.24 เพื่อส่งมอบกรมธนารักษ์ พื้นที่อ่างฯมอบต่อชลประทาน พื้นที่อยู่-ทำกินชาวบ้านเช่าราคาถูก
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ห้องประชุมคำชะโนด ชั้น 2 อาคาร 2 ศาลากลาง จ.อุดรธานี นายปราโมทย์ ธัญญพืช รอง ผวจ.อุดรธานี เป็นประธานประชุมคณะทำงาน เพื่อสำรวจพื้นที่ดำเนินการตามโครงการ “อ่างเก็บน้ำห้วยปากแบ่ง” อันเนื่องจากพระราชดำริ บ.โคกสว่าง ม.10 ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี โดยมี พ.อ.สุรศักดิ์ สำราญบำรุง เสธ มทบ.24 , นายจรูญ บุหิรัฐ นายอำเภอหนองวัวซอ , ที่ดินจังหวัด , ธนารักษ์จังหวัด , ชลประทานที่ 5 , ชลประทานจังหวัด , หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง , อบต.หมากหญ้า , กำนัน ต.หมากหญ้า และ ผญบ. เข้าร่วมประชุม
วิศวกรออกแบบ สนง.ชลประทานที่ 5 ชี้แจงว่า ได้ลงพื้นที่ทำการสำรวจ และออกแบบเบื้องต้น พบว่ามีความพร้อมจะสร้างอ่างฯ ในพื้นที่อยู่ในความดูแลของ มทบ.24 การก่อสร้างอาคารระบายน้ำล้น 217 ม. , ทำนบดิน 469 ม. , ความสูงทำนบดิน 30 ม. , ความกว้างหลังทำนบดิน 8 ม. จะเกิดพื้นที่น้ำท่วม 103.44 ไร่ จะทำให้มีความจุน้ำ 1.66 ล้าน ลบม. ขณะระบบส่งน้ำผ่านพื้นที่ประชาชน ที่ส่วนใหญ่มีเอกสารสิทธิ หากเป็นไปตามแนวสำรวจจะเกิดพื้นที่ชลประทานฯ 1,000 ไร่ งบประมาณก่อสร้างราว 170 ล้านบาท ใช้เวลาในการดำเนินการ 2 ปี
มทบ.24 และธนารักษ์อุดรธานี ชี้แจงว่า โครงการอ่างฯห้วยปากแบ่ง อยู่ในที่ดินขึ้นทะเบียนตาม นสร.พื้นที่รวมกว่า 39,000 ไร่เศษ ทางราชการเคยใช้เป็นสนามยิงปืน กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 13 ปัจจุบันพื้นที่สร้างอ่างฯไม่ได้ใช้งาน การจะให้ก่อสร้างอ่างฯปากแบ่ง จะต้องคืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ แล้วส่งต่อให้กรมชลประทาน แม้พื้นที่สร้างอ่างฯจะไม่มีประชาชนบุกรุก แต่มีพื้นที่ใกล้เคียงมีราษฎรบุกรุก 3 แปลงรวม 2,500 ไร่เศษ แปลงที่ 1 บ.โนนสมบูรณ์ ม.6 , 7 ประมาณ 340 ไร่ , แปลงที่ 2 บ.โคกสว่าง ม.1-2-8-10 ประมาณ 1,300 ไร่ และแปลงที่ 3 บ.ผาสิงห์ ม. 5 ประมาณ 880 ไร่ ซึ่งการคืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ จะต้องไม่มีพื้นที่ถูกบุกรุก
แนวทางที่จะดำเนินการ ราษฎรที่บุกรุกจะต้องแสดงเจตนา คืนพื้นที่บุกรุกให้ทางราชการ เพื่อ มทบ.24 จะคืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ แต่การคืนพื้นที่ราษฎรยังคงอาศัย และทำกินอยู่เหมือนปกติ จากนั้นกรมธนารักษ์จะมอบพื้นที่สร้างอ่างฯ ให้กับกรมชลประทาน ส่วนพื้นที่ของราษฎรที่เคยอาศัยหรือทำกิน จะมาทำสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์ ในอัตราค่าเช่าต่ำมากไร่ละ 100 บาทต่อปี ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาการบุกรุก และราษฎรจะสามารถอาศัย และทำกิน ได้ตามกฎหมายคือสิทธิจากการเช่า
นายไพศาล เบ้าทองหล่อ กำนัน ต.หมากหญ้า และ ผญบ. ชี้แจงแต่ละประเด็นว่า 1.ราษฎรเข้ามาอาศัยและทำกินนานแล้ว พื้นที่ระบุว่าบุกรุกแปลงที่ 2 เป็นพื้นที่ราษฎรได้รับประโยชน์จากอ่างฯ พร้อมคืนพื้นที่และเช่ากับกรมธนารักษ์ แต่พื้นที่แปลงที่ 1 และแปลงที่ 3 เป็นพื้นที่นอกโครงการอ่างฯ ราษฎรไม่ได้รับประโยชน์จากอ่างฯ นัดหมายพูดคุยกับชาวบ้านกลุ่มนี้ แต่ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม , 2.บ้านผาสิงห์ ที่ระบุเป็นแปลงบุกรุกแปลงที่ 3 ไม่ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ตาม นสร. หรือพื้นที่ป่าสงวนฯ น่าจะกำหนดขอบเขตก่อน และ 3.ป่าไม้เคยเข้ามาทำการรังวัดพื้นที่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังรอผลของป่าไม้
นายปราโมทย์ ธัญญพืช รอง ผวจ.อุดรธานี ได้สรุปการประชุมว่า 1.เสนอ ผวจ.อุดรธานี ตั้ง สนง.ทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 เข้ามาเป็นคณะทำงาน , 2. ให้นายอำเภอประสานงานกับคณะทำงาน นัดหมายประชุมเร่งรัดดำเนินการ ให้เสร็จภายในสินเดือนนี้ , 3.ให้ดำเนินการใน 2 รูปแบบ คือ การขอคืนพื้นที่ทั้ง 3 แปลงพร้อมกัน และการขอคืนที่ละแปลง เริ่มจากพื้นที่สร้างอ่างฯ และที่ราษฎรพร้อมก่อน จึงจะเข้าดำเนินการแปลงที่เหลือ และ 4.ให้ดำเนินการให้ราษฎรเกิดความเชื่อมั่น ว่าเขาจะไม่ได้สูญเสียที่อยู่อาศัย หรือที่ทำกิน แต่เปลี่ยนให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเป็นการเช่าในราคาถูก