ชาวเทศบาลนครอุดรธานีเดือดร้อนหนัก ผึ้งอาละวาดต่อยผู้คนทั่วไปจนบาดเจ็บหลายราย แจ้งเทศบาลนครอุดรธานีไปแล้วหลายครั้ง แต่เจ้าของพื้นที่ไม่ยินยอมให้ขับไล่ฝูงผึ้ง ล่าสุดทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว ยินยอมให้ย้ายรังผึ้งและขับไล่ฝูงผึ้งในที่สุด
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สามแยกศรีวิไล หรือสามแยกถนนโพศรีตัดกับถนนอำเภอ เทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งว่ามีผึ้งรังใหญ่ที่อยู่บนต้นขี้เหล็ก ของบ้านหลังหนึ่งที่ติดกับห้วยหมากแข้ง ใจกลางเมืองอุดรธานี ออกมาบินรบกวนประชาชนที่อาศัย ค้าขาย และที่สัญจรผ่านบริเวณดังกล่าว มีประชาชนหลายคน มากกว่า 10 ราย ถูกผึ้งต่อยจนได้รับบาดเจ็บ ไม่เว้นแม้แต่เด็กนักเรียน สร้างความเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องอยู่อย่างหวาดผวา ไม่รู้ว่าผึ้งฝูงดังกล่าวจะอาละวาดต่อยผู้คนอีกตอนไหน
ชาวบ้านร้องเรียนไปเทศบาลนครอุดรธานีแล้วหลายหน แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เนื่องจากต้นขี้เหล็กอยู่ในพื้นที่บ้านพักส่วนบุคคล คนเฝ้าบ้านไม่ยินยอมให้เข้ามาขับไล่ฝูงผึ้ง ที่สุดแล้วเทศบาลนครอุดรธานีสามารถติดต่อเจ้าของบ้านได้ และยินยอมให้ขับไล่ฝูงผึ้งหลวงแล้ว แต่ต้องดำเนินการช่วงกลางคืนเท่านั้น ล่าสุดลงพื้นที่วางแผนเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อทุกฝ่ายให้น้อยที่สุด และไม่ให้เกิดอันตรายต่อพี่น้องประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติการณ์ด้วย
นายนิวัฒน์ กิตติอุมาพร อายุ 39 ปี ผู้ประกอบการร้านกรอบพระ เปิดเผยว่า ผึ้งมาสร้างรังตรงนี้ได้ประมาณ 4 เดือน ช่วงแรกที่รังยังเล็กอยู่ ไม่ได้บินออกมาก่อกวนมากเท่าไหร่ มาช่วงเดือนที่ผ่านมา รังผึ้งเริ่มใหญ่ขึ้นมาก เมื่อไหร่ที่ฝูงผึ้งถูกรบกวน ทั้งจากลมฝน หรือฝูงนก จะแตกรังออกมาบินปกป้องรังจนเต็มถนน ต้องคอยหลบฝูงผึ้งด้วยความหวาดระแวง หากหลบไม่ทัน วิ่งหนีไม่ทัน ก็ถูกต่อยไปตามๆกัน เมื่อเช้าก็ออกมาบินอยู่เต็มพื้นที่สามแยก ตนเองโดนผึ้งต่อยไป 3 ตัว ผู้คนที่ขับรถจักรยานยนต์ผ่านไปผ่านมา ก็ถูกผึ้งไล่ต่อยไปไม่น้อย รวมทั้งเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านหมากแข้ง ที่เดินไปโรงเรียนเป็นกลุ่ม ก็ถูกผึ้งฝูงนี้ต่อยจนต้องวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น อยากให้เจ้าหน้าที่ขับไล่ย้ายรังผึ้งออกไปให้เร็วที่สุด ล่าสุดเจ้าของร้านกรอบพระอีกคนที่เปิดร้านอยู่ใกล้ที่สุด ก็ถูกผึ้งรุมต่อยจนต้องเข้าโรงพยายาล นอนรักษาตัวกว่าสัปดาห์มาแล้ว
นางสาววิไลลักษณ์ ตั้งมั่นดี อายุ 40 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหมู เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่แล้วตนเองถูกผึ้งฝูงนี้รุมต่อยนับร้อยตัว ต้องวิ่งหนีไปไกลกว่า 500 เมตร ทำให้บาดเจ็บปางตาย แต่ไม่ได้ไปโรงพยาบาล เพราะแม่ได้ต้มน้ำสมุนไพร รักษาแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน จนอ้วกเอาพิษของผึ้งออกมา ถ้าไม่ใช่คนแข็งแรง ไม่ได้กินยารักษา ไม่อ้วกพิษออกมา คิดว่าคงต้องตายไปแล้วแน่นอน ทุกวันนี้ต้องออกมาค้าขายด้วยความระแวง ทุกวันก็ถูกผึ้งต่อยอยู่เป็นประจำ แต่ถ้าไม่ออกมาค้าขาย ก็ไม่มีเงินใช้ ต้องกัดฟันออกมาเปิดร้านเพื่อทำมาหากิน อยากให้ไล่ผึ้งฝูงนี้ออกไป จะได้ทำมาหากินได้ตามปกติ ผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนี้ก็จะได้สบายใจ คนที่สัญจรไปมาจะได้ปลอดภัย สงสารแต่เด็กๆ ที่ต้องเดินผ่านทางนี้ไปโรงเรียน จะได้ไม่ถูกผึ้งต่อยอีก เมื่อเช้าก็แตกรังออกมาบินวนนับพันตัวน่ากลัวมาก
นายสมบัติ บรรณรักษ์กุล อายุ 37 ปี ลูกจ้างเขียงหมู เปิดเผยว่า เมื่อเช้าขณะขับรถจักรยานยนต์จะไปส่งเนื้อหมูสดที่ร้านอาหารตามสั่ง ช่วงขับผ่านจุดนี้ ได้ถูกผึ้งประมาณ 5- 6 ตัว ต่อยที่แขน ขา และท้ายทอย ถูกเหล็กในฝังจนปูดบวม ตอนที่ถูกผึ้งต่อยเจ็บและตกใจมาก จนเนื้อหมูสดที่จะนำไปส่งลูกค้าตกลงพื้นถนน คนละแวกดังกล่าวตะโกนบอกให้รีบขับหนีไปก่อน ทั้งตกใจทั้งกลัวว่าเนื้อหมูจะหาย แต่เพื่อรักษาชีวิตจึงต้องรีบขับหนีไปให้ไกลที่สุด เพราะเห็นฝูงผึ้งบินวนอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะย้อนกลับมาเอาเนื้อหมูสดอีกครั้ง ซึ่งก็โชคดีว่ามีคนนำถุงเนื้อหมูมาวางไว้ริมฟุตบาท
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายอริยะ แต้สุวรรณ รองนายก เทศบาลนครอุดรธานี นายพูนเกียรติ พุทธรักษ์ เลขานุการนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี นายกิตติวัฒน์ สารสังข์ หัวหน้าป้องกันบรรเทาสาธารณะภัย เทศบาลนครอุดรธานี และเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่เพื่อเข้าไปสอบถามและดำเนินการวางแผนเพื่อขับไล่ผึ่งฝูงดังกล่าว เป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หลังจากเจ้าของพื้นที่ยินยอมให้เข้าดำเนินการได้
นายกิตติวัฒน์ สารสังข์ หัวหน้าป้องกันบรรเทาสาธารณะภัย เทศบาลนครอุดรธานี เปิดเผยว่า ผึ้งฝูงนี้ตอนแรกทำรังอยู่บนต้นไม้ในเขตบ้านพักหลังดังกล่าวอยู่แล้ว คงจะย้ายมาทำรังหลังบ้านได้ไม่นาน และเนื่องจากมีประชาชนทำกิจกรรมค้าขายอาหาร จะมีกลิ่น มีควันไปรบกวนฝูงผึ้ง หรือแม้แต่สัตว์ชนิดอื่นที่ไปลงกวน รวมถึงลมพายุ อาจจะทำให้ผึ้งออกมาปกป้องรัง ต่อยทำร้ายผู้คนด้วยความดุร้ายหวงรังของมัน จากการประเมินเราจะดำเนินการในเวลา 21.00 น. วันนี้ทันที โดยจะใช้ควันไฟไล่ก่อน หากไม่ได้ผลถึงจะใช้ยาฆ่าแมลงฉีดพ่น ก่อนจะตัดเอารังผึ้งย้ายออกไปจากจุดนี้ เบื้องต้นได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนโดยรอบปิดบ้านเรือนให้มิดชิด ป้องกันให้ผึ้งเข้าไปภายในบ้าน เพื่อความปลอดภัยของทุกคน และหากประชาชนมีความเดือดร้อนให้โทรศัพท์มาแจ้งที่หมายเลข 199 ได้ตลอดเวลา
