เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 14 กันยายน 2566 ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีชายจะกระโดดสะพานต่างระดับแยกบายพาสสกลนคร หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.ทนงศักดิ์ แพงสา รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจอินทรีย์ ผู้ช่วยเจ้าพนักงาน และอาสากู้ภัยส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่บนสะพานฝั่งขาเข้าตัวเมืองอุดรธานี เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวนายณัฐวุฒิ สรรพการ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/2 หมู่ 17 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเคยจะกระโดดสะพานข้ามแยกตรงนี้มาแล้ว 1 ครั้ง อ้างว่าอกหักจากผู้หญิงมาแล้ว 20 ครั้ง จึงอยากจะคิดสั้นหนีความอาภัพรัก โชคดีที่เจ้าหน้าที่คว้าตัวช่วยเหลือได้ทัน ก่อนหว่านล้อมด้วยการหารูปแฟนสาวในมือถือมาให้นายณัฐวุฒิฯ ได้ดูจนใจเย็น และได้จูปไปที่มือถือ 1 ครั้ง เพื่อแสดงความรักจนมีอาการผ่อนคลาย เหตุเกิดครั้งนั้นเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา โดยขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ดรีม สีแดง ทะเบียน กษข 904 อุดรธานี มาก่อเหตุ
แต่การก่อเหตุครั้งนี้นายณัฐวุฒิฯ ตัดผมสั้นเกรียนและใส่เสื้อตัวเดิมที่เคยมาก่อเหตุ ขับรถจักรยานยนต์คันเดิม มาพร้อมกับเหล้าขวดเครื่องดื่มชูกำลังผสมเหล้าขาวและน้ำดื่มอย่างละ 1 ขวด อยู่ในสภาพมึนเมาสุราอย่างหนัก ได้นั่งอยู่ริมสะพานใกล้กับจุดเดิมที่เคยจะก่อเหตุกระโดดสะพานเมื่อครั้งที่แล้ว แต่โชคดีว่าเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุได้ทันเวลา จึงสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ แต่ก็ยังบ่นในเรื่องความรักเหมือนเดิม อกหักผิดหวังมาตลอด ปวดหัวใจมาก ดื่มเหล้ามา 3 ขวด และวอนขอให้เจ้าหน้าที่ปล่อยให้ฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอดไป
แต่หลังจากเจรจาได้สักพักนายณัฐวุฒิฯ ใจเย็นลงและได้ยินยอมให้ควบคุมตัว ยอมให้เจ้าหน้าที่นำตัวขึ้นรถกระบะสายตรวจ นำไปส่งที่บ้านพักที่อยู่ในเขตเทศบาลนครอุดรธานีแต่โดยดี และรับปากว่า “ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว เพราะผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวในโลก ผู้หญิงมีเยอะแยะหาคนใหม่ก็ได้ ถ้าไม่ใช่เนื้อคู่เราก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าเป็นเนื้อคู่เรา เราจะมาเจอกันเอง เราไม่ต้องไปดิ้นรน และขอโทษทุกคนด้วยครับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริเวณสะพานข้ามแยกดังกล่าวมีหนุ่มเพี้ยนคลั่งรัก มาเรียกร้องความสนใจ เพื่อที่จะกระโดดสะพานมาแล้วหลายครั้ง ภายในห้วงปีนี้เกิดเหตุมาแล้วประมาณ 5 ครั้ง เฉพาะนายณัฐวุฒิฯ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โชคดีว่ายังไม่เกิดอันตรายจนถึงชีวิต แต่ก็สร้างตกใจให้กับผู้รถใช้ถนน และสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสากู้ภัยฯ ที่ต้องเสียกำลังเข้ามาระงับเหตุอยู่บ่อยครั้ง
