สลดรถทัวร์ 2 ชั้น อุดร-กทม. ไฟไหม้ครอก 5 ศพที่ขอนแก่น สองสามีภรรยาชาวกุดจับ รีบเดินทางไปทำงานช่างสี ภรรยาเสียชีวิต สามีอาการสาหัส ญาติยองรอรับศพกลับบ้าน ขณะรถทัวร์ 2 ชั้น มีจดทะเบียนอุดรฯที่อุดร 22 คัน
เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2564 ในการประชุมศูนย์ป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์ ที่ห้องปฏิบัติการณ์ ชั้น 1 อาคารทองใหญ่ ศาลากลาง จ.อุดรธานี นายปราโมทย์ ธัญญพืช รอง ผวจ.อุดรธานี ประธานที่ประชุม ได้รับรายงานว่า กรณีรถทัวร์โดยสารบริษัท 407 พัฒนา ทะเบียน 10-7387 อุดรธานี อุดรธานี –กรุงเทพ เกิดไฟไหม้ย่างสดผู้โดยสาร 5 ศพ บาดเจ็บ 12 ราย ถนนมิตรภาพ บ.หนองขาม ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น รถคันดังกล่าวจดทะเบียนที่ สนง.ขนส่ง จ.อุดรธานี ผ่านการตรวจสภาพรถ 25 มี.ค.64 ขณะนี้มีรถแบบ 2 ชั้นจนทะเบียน 22 คัน มีคำสั่งให้รถทุกคันกลับมาตรวจสภาพใหม่ วันนี้ได้ส่ง จนท.ไปร่วมประชุมที่ จ.ขอนแก่น
เวลา 12.00 น. วันเดียวกัน ที่บ้าน น.ส.สุกัลยา เกษหอม หรือหวาน อายุ 28 ปี เลขที่ 57 ม.14 บ.สุขสมบูรณ์ ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ผู้เสียชีวิต พบว่าญาติพี่น้องมานั่งรอรับศพ นางพันธ์ คุ้มตะบุตร อายุ 70 ปี ยายผู้ตาย บอกว่า แม่และพี่ชาย เดินทางไปขอรับศพ น.ส.สุกัลยา ที่ จ.ขอนแก่น ส่วนญาติได้แต่นั่งรอฟังข่าว และเตรียมจัดพิธีศพที่บ้าน ทุกคนรู้ข่าวรู้สึกเสียใจ เพราะผู้ตายเป็นคนดี มีน้ำใจกับญาติพี่น้อง ตนเลี้ยงผู้ตายมาตั้งแต่เกิดมา เพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน ทำให้ตนรักหลานคนนี้มาก โดยผู้ตายแต่งงานกับนายสังสรรค์ ทาสีแสง อายุ 34 ปี หลายปีแล้ว มีอาชีพรับจ้าง แต่ยังไม่มีลูก และผู้ตายก็ยังกลับบ้านมาดูแลยายตลอด
ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายมาเล่าให้ฟังว่า น้องสาวซึ่งทำงานรับเหมาทาสีที่กรุงเทพฯ โทรศัพท์มาชวนให้ไปทำงานช่วย ผู้ตายและสามีรับปากน้องสาว และคิดไว้ว่าจะเดินทาง 18 เม.ย. หรือหลังสงกรานต์ โดยจะนำรถจักรยานยนต์ไปด้วย แต่พอเช้า 13 เม.ย. ได้ยินข่าวรถทัวร์เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ คลอกผู้โดยสาร 5 ศพ ซึ่งผู้เสียชีวิตมี น.ส.สุกัลยา รวมอยู่ด้วย ที่จำได้เพราะศพมีสร้อยคอสแตนเลส ที่ผู้ตายใส่ประจำสวมอยู่ ส่วนสามีได้รับบาดเจ็บสาหัส โดนไฟลวกตามร่างกาย รู้สึกเสียใจมาก ร้องไห้ตลอดเวลา
“ วันสงกรานต์ทุกปีผู้ตายจะทำขันธ์ 5 มารดน้ำดำหัวยาย ปีนี้ผู้ตายไม่มาก็นั่งรอ และมาทราบข่าวร้าย ถ้าหลานมาบอกว่าจะไปกรุงเทพฯ วันสงกรานต์จะห้ามไม่ให้ไป เพราะถ้าไปวันสงกรานต์ก็ไม่มีใครอยู่ ทุกคนกลับบ้านหมด แต่หลานแอบไปกับสามีโดยไม่บอกยายเลย กระทั่งมาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ไม่มีหลานแล้วจะเรียกหาใคร ใครจะมาดูแลยาย ” ทำให้น้ำตาไหลออกมา
น.ส.วันนิสา ชุมจันทร์ อายุ 31 ปี ญาติผู้ตาย เล่าทั้งน้ำตาว่า โตมาด้วยกัน ผู้ตายเป็นคนอ้วน มีนิสัยร่าเริง หาของกินอร่อยมาได้ก็จะเอามาให้ตนกับยายก่อน ก่อนเกิดเหตุ 3-4 วัน ผู้ตายได้ขอกระเป๋าสะพายสีเหลือง ราคา 3,000 กว่าบาท จากตนหลายครั้ง ตนถามว่าจะเอากระเป๋าไปทำไม ผู้ตายบอกว่าอยากได้กระเป๋าสวย ก็รับปากว่าจะให้ โดยบอกว่าจะฝากระเป๋าไว้กับยาย 12 เม.ย.ให้มาเอา แต่ผู้ตายก็ไม่มาเอา กระทั่งเวลา 11.00 น. วันที่ 13 เมษายน น้องสาวที่กรุงเทพฯ โทรมาบอกว่า รถทัวร์ที่ น.ส.สุกัลยาฯโดยสารไปไฟไหม้ ไม่นานน้องสาวก็โทรมาบอกอีกว่าผู้ตายโดนไฟคลอกเสียชีวิต ส่วนสามีบาดเจ็บสาหัส เสียใจ เพราะไปแบบไม่ได้สั่งลา ซึ่งตนจะนำกระเป๋าที่ผู้ตายอยากได้ไปบังสุกุลให้ผู้ตาย
นางนิธิวดี สิงไคตัน ผญบ.บ้านสุขสมบูรณ์ เปิดเผยว่า ทราบข่าวว่ารถทัวร์ 407 ไฟไหม้รถ ไม่เคยคิดว่าผู้ตายจะมีลูกบ้านด้วย ต่อมามีญาติผู้ตายโทรไปบอก ซึ่งครั้งแรกว่าศพจะกลับมาบ้านวันที่ 15 เมษายน ซึ่งกำนันได้แจ้งมาว่านายอำเภอจะเดินทางมาร่วมงาน ซึ่งติดตามตลอดเวลา และมาทราบอีกว่าศพจะกลับมาบ้านวันที่ 16 เมษายน ซึ่งหากมีญาติมาร่วมงาน ก็จะจัดให้ อสม.มาดูแลตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่ง น.ส.สุกัลยา ผู้ตาย จะเป็นคนนิสัยดี ชอบช่วยเหลืองานบุญ งานประเพณี เพราะเป็นคนสนุก จะเป็นผู้นำฟ้อนรำ ทั้งงานแข่งเรือ งานบวช งานบุญ รู้สึกเสียดายมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ศพ 2 แม่ลูก น.ส.ปรางค์ทอง กาล้อม 24 ปี และ ด.ญ.ปวรรัตน์ กาล้อม 6 ขวบ ที่ถูกไฟคลอกเสียชีวิตก็มีภูมิลำเนา อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.5 ต.คำบง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี โดยญาติขับรถจาก อ.บ้านผือ มาส่งขึ้นรถทัวร์ที่เมืองอุดรธานี เพื่อเดินทางไปทำงานที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา…..
