“เสี่ยศักดิ์” เสี่ยวัยดึกเมืองอุดรฯ โวยอดีตลูกสะใภ้โกงเงินไป 14 ล้านบาท ยอมความให้ผ่อนชำระแต่ยังเฉย เผยเล่ห์หลอกตีสนิทลูกชาย ก่อนตกลงจดทะเบียนสมรส อ้างอยากมีครอบครัวที่มั่นคง อ้างมีธุรกิจซื้อขายรถยนต์ในอุดรธานี และ สปป.ลาว เอาอาคารพาณิชย์ไปจำนอง อ้อนพ่อผัวหาเงินไปลงทุนให้บางส่วน ต้องขายทองคำแท่งที่เก็บมาทั้งชีวิตให้ยืมไป สุดท้ายความแตก เซ็นต์ใบหย่าหลังแต่งได้เพียง 5 เดือน เอาที่ดินไปจำนองอีก 4 ผืน ลูกสะใภ้หอบของหนี ตามไปทวงหนี้ก็ตีมึนไม่ยอมจ่าย
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากเสี่ยศักดิ์ อายุ 80 ปี ชาว อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่าถูก น.ส.ทราย อายุ 49 ปี อดีตลูกสะใภ้ ฉ้อโกงเงินไปกว่า 14 ล้านบาท โดยนำหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงและให้ข้อมูล ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ศาลจังหวัดอุดรธานีตัดสินให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ให้อดีตลูกสะใภ้จ่ายเงินคืนด้วยการผ่อนชำระ แต่ถึงตอนนี้ลูกสะใภ้ยังไม่จ่ายคืนสักบาท ตามไปทวงถามก็บอกว่า “ไม่มี ไม่หนี้ ไม่จ่าย”
เสี่ยศักดิ์ เล่าว่า สมัยก่อนทำธุรกิจที่อุดรธานี มีค่ายมวย อู่ซ่อมรถ ในชื่อ “ศักดิ์มงคล” และยังค้าทองคำแท่ง ค้าไม้ จนมีฐานะร่ำรวย มีลูก 3 คน คนโตและคนเล็กเป็นผู้ชาย คนกลางเป็นผู้หญิง ตนมีอาคารพาณิชย์อยู่ 6 คูหา และได้โอนให้ภรรยา ลูก และหลาน ไปหมดแล้ว รวมทั้งลูกชายคนสุดท้อง เมื่อปี 2549 น.ส.ทราย ได้มาเช่าอาคารทำธุรกิจขายชุดนักศึกษา และได้รู้จักกับลูกชายคนสุดท้องจนคบหากัน เดือนมกราคมปี 2550 ตนป่วยเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาล ทั้งสองก็มาเยี่ยมตามปกติ แต่ก็เปรยว่าอยากแต่งงานสร้างครอบครัว เพราะอายุเยอะแล้ว
“ เดือนมีนาคม 2550 ได้กลับมารักษาตัวที่บ้าน ทั้งสองก็ไปมาหาสู่กัน และบอกว่า น.ส.ทราย จะทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์ ตอนนี้หุ้นส่วนโอนหุ้นให้หมดแล้ว เลยเสนอว่าให้ใช้พื้นที่อาคารพาณิชย์เป็นโชว์รูม และใช้พื้นที่นอกเมืองเป็นที่เซอร์วิซก็ได้ ระหว่างนั้นก็มาพูดคุยถึงความคืบหน้า ส่วนลูกชายก็มีธุรกิจร้านแก๊ซอยู่แล้ว เดือนพฤษภาคม 2555 ทั้งสองก็จดทะเบียนสมรสกัน เขาก็พาลูกชายมาอ้อนขอให้ช่วยเหลือ เรื่องเงินทุนในการสร้างโชวร์รูม เราก็อยากเห็นเขาเติบโต ก็เลยไม่ได้คัดค้าน เขาก็พากันไปจัดการนำอาคารพาณิชย์ไปจำนองกับธนาคารเอาไปลงทุน ”
เสี่ยศักดิ์ เล่าอีกว่า ตอนแรกก็บอกว่าจำนองได้มา 6 ล้าน แต่ได้เงินมาก่อนเพียง 3 ล้าน ตนก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร ก็เห็นเขาตั้งใจและเขาก็รักลูกชายเราดี พาไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตด้วยกันบ่อยๆ ตุลาคม 2555 น.ส.ทราย บอกว่าต้องนำเงินไปจ่ายค่าก่อสร้างสาขาที่ลาว 1 ล้านบาท ตนก็บอกอยู่ว่าให้เลื่อนจ่าย ค่อยหาไปจ่าย แต่เขาก็พาลูกชายตนมาคะยั้นคะยอ บอกจะจ่ายคืนภายใน 1 เดือน ตนจึงเอาทองคำแท่งที่สะสมไว้ให้ไปขาย โดยให้ทองไปน้ำหนัก 78 บาท ได้เงินมาเกือบ 1 ล้าน โดยไม่มีสัญญาอะไร พอสิ้นเดือนเขาก็โอนให้จริง คิดว่าเขาคงเห็นจุดนี้ จึงเริ่มที่จะฉ้อโกงเพิ่มเติม
“ 7 ธันวาคม 2555 น.ส.ทราย อ้างว่าต้องใช้เงิน 5 ล้าน เอาไปวางประกันในบัญชี เพื่อซื้อขายรถหรู 3 คันๆละ 1 ล้าน และอยากได้เงินเก็บไว้ทำธุรกิจ 2 ล้าน ตนเลยพาทั้งสองไปถอนเงินที่ธนาคารให้ และให้ น.ส.ทราย ทำสัญญากู้ยืมชัดเจน ตีเช็คเพื่อคืนเงินให้เดือน 1.8 ล้าน 3 ใบ หลังจากนั้นก็เริ่มมีปัญหา อาคารพาณิชย์ที่จำนองก็ไม่จ่าย เงิน 5 ล้านตน ก็เริ่มบ่ายเบี่ยง อ้างว่ายังไม่มีกำไร ขาดทุนนู่นนี่ ขาดสภาพคล่อง ซึ่งก็ยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่าง มีแต่เอาสัญญาซื้อขายอะไรมาให้ดู ซึ่งใครก็ทำขึ้นมาได้ ”
เสี่ยศักดิ์ ระบายเพิ่มเติมว่า ระหว่างหลายปีผ่านมาเขาก็ยังอยู่ด้วยกัน จนปลายปี 2560 ตนจะขายที่ 1 แปลง ที่เป็นชื่อของลูกชาย แต่ตนเก็บโฉนดไว้เองทั้งหมด ตนก็ไปที่ที่ดิน ก็มาทราบว่าที่ดินถูกอายัดไว้ 4 แปลง ตนก็สอบถามจนรู้ว่า ลูกสะใภ้ได้เอากู้ยืม เอาไปจำนอง ตนก็ได้ต่อว่า และได้รู้ความจริงอีกว่าเขาหย่ากันตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2556 อ้างว่ามีปัญหาการเงิน ไม่อยากให้ถูกยึดทรัพย์ไปทั้งสองคน พอเกิดเรื่องขึ้น น.ส.ทราย ก็ได้ออกจากบ้านไป พอไปตรวจสอบก็พบอีกว่าอาคารพาณิชย์ที่จำนองไว้ก็ไม่มีการผ่อนชำระ ธนาคารเตรียมจะยึดทรัพย์แล้ว ก็ต้องไปเอาเงินเก็บและขายทองไปไถ่ออกมา 13 ล้านบาท เรื่องนี้ตนเจ็บใจมาก แต่ก็มองว่าลูกชายเราเองที่พลาดไป
“ หลังจากนั้นตนก็ดำเนินการฟ้องร้อง น.ส.ทราย เรื่องเงิน 5 ล้าน และเงินส่วนอื่นเท่าที่จะมีหลักฐานเรื่อยมา จนวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ศาลตัดสินไกล่เกลี่ยทำสัญญาประนอมหนี้กัน ให้เขาผ่อนจ่าย เขาก็ยินยอมรับสภาพหนี้ แต่ที่สุดแล้วจนถึงวันนี้ น.ส.ทราย ยังไม่จ่ายตนสักบาทเดียว ทราบว่าเขามีธุรกิจร้านกระจกรถยนต์ ก็คอยไปทวงถามเงิน เขาก็นิ่งเฉย ซ้ำยังบอกไม่มี ไม่หนี้ ไม่จ่าย คับแค้นใจมาก จึงต้องขอให้ผู้สื่อข่าวช่วยตีแผ่เรื่องนี้ด้วย ไม่นึกว่าจะมาเจอลูกสะใภ้แบบนี้ อยากให้มีจิตสำนึกบ้าง เงินเราหามาทั้งชีวิต อยากให้เขาหามาคืนบ้าง อยากจะบอกว่าเงินที่เอาไป หากดูแลกันอยู่ด้วยกัน มีให้เขามากกว่านี้อีก ฟ้องร้องกันเป็น 10 ปี ตอนนี้ยาก ยากมาก มีเรื่องคิดมาก แต่ไม่ได้ยากจน”….