เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 14 กันยายน 2565 ร.ต.อ.นิวัฒน์ แจงกระโทก รอง (สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุคนเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุที่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 8 บ้านจำปา ต.เชียงพิณ จึงพร้อมด้วย แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรม รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านกลางทุ่งนา พบศพ น.ส.แพง มอโท อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41/1 หมู่ 1ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี เจ้าของบ้านนอนหงายอยู่ที่พื้น สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตลายแดง กางเกงขายาวสีกรมท่า ข้างศพมีกองหญ้าและรองเท้าบูทสั้นของผู้ตายถอดวางไว้ จากการชันสูตรไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย แพทย์ระบุเสียชีวิตเนื่องจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

นายทุน ใจทน อายุ 74 ปี สามีผู้ตาย ซึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างศพ ให้การด้วยสีหน้าโศกเศร้าว่า ตนและผู้ตายอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ เพื่อทำนาและเลี้ยงวัว ผู้ตายมีโรคประจำตัวเบาหวาน ความดัน และหัวใจ ก่อนเกิดเหตุ เช้าตรู่วันนี้ ตนและผู้ตายมาเกี่ยวหญ้าคามคันนาไปเลี้ยงวัว 2ตัว ซึ่งทำเป็นกิจวัตรประจำวัน ขณะกำลังเกี่ยวบนคันนา ได้ยินเสียงผู้ตายคล้ายจะครางฮือๆ 2-3 ครั้ง เมื่อหันไปมองก็เห็นผู้ตายล้มฟุบและกลิ้งลงไปในแปลงนามีน้ำขัง ตนจึงวิ่งมาดึงผู้ตายขึ้นมา แต่ตนดึงไม่ไหวเพราะผู้ตายตัวใหญ่ พอดีมีชาวบ้านผ่านมา ตนจึงเรียกให้ช่วย และแจ้งเจ้าหน้าที่
 “เมื่อคืนนี้หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ได้นอนคุยกัน ยายบ่นว่านอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร และยายยังได้สั่งว่า ให้ไปหาเมียใหม่ซะ ตนก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงสั่งเสียแบบนั้น คิดว่ายายพูดเล่น จึงตอบยายไปว่าอย่าพูดไปทั่ว ไม่คิดว่าจะเป็นคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย”
 “เมื่อคืนนี้หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ได้นอนคุยกัน ยายบ่นว่านอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร และยายยังได้สั่งว่า ให้ไปหาเมียใหม่ซะ ตนก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงสั่งเสียแบบนั้น คิดว่ายายพูดเล่น จึงตอบยายไปว่าอย่าพูดไปทั่ว ไม่คิดว่าจะเป็นคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย”

นางบุญมา โสดาบุตร อายุ 66 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า เมื่อเช้านี้ ก่อนจะทราบว่ามีคนในหมู่บ้านเสียชีวิต ตนกำลังจัดสำรับอาหารให้พระอยู่ในวัด ก็ได้ยินเสียงอีกา 2 ตัวมาร้องอยู่ในวัด ตนก็เอะใจว่าต้องมีคนในหมู่บ้านเสียชีวิต ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ หรือไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพราะชาวบ้านจะเชื่อว่า ถ้ามีอีการ้องถือเป็นลางบอกเหตุไม่ดี จะมีคนในหมู่บ้านเสียชีวิต และก็มีชาวบ้านมาบอกว่ามีคนเสียชีวิต ตนจึงคิดเร็วมาก เพราะอีกาพึ่งมาร้องเมื่อเช้านี้
ตำรวจสันนิษฐานว่า โรคประจำตัวกำเริบ ทำให้เสียชีวิต ญาติไม่ติดใจ จึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป




 
                                    
