เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 12 กันยายน 2565 ขณะที่ ร.ต.อ.วงศ์วริศ ธรรมโกลัง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่สถานีตำรวจชุมชนสามพร้าว ได้รับแจ้งจากนายประภาส เสื้อสีนนตรี อายุ 55 ปี ผญบ.นาหยาด ม.6 ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่ามีลูกบ้านเป็นชายเมาคุ้มคลั่งอาละวาดทำร้ายร่างกายชาวบ้าน ทุบมิเตอร์ไฟฟ้าบนเสาไฟฟ้าพังเสียหาย และพังท่อประปาของเพื่อนบ้าน เบื้องต้นชาวบ้านหลายคนช่วยกันจับตัวผู้ก่อเหตุ ใช้เชือกไนล่อนมัดมือไพล่หลังและเท้าไว้ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตำรวจ รวม 3 นาย เข้าไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็น 4 แยกภายในถนนหมู่บ้าน มีชาวบ้านเป็นผู้ชายจำนวนหลายรายช่วยกันไล่ตะครุบตัวนายจาตุรงค์ แก้วกำ หรือซันนี่ อายุ 30 ปี หลังจากก่อเหตุสาดน้ำต้มยำไก่และทำร้ายร่างกายน้าสาวที่อยู่บ้านตรงข้ามกัน และใช้ขวดเบียร์ทุบมิเตอร์ไฟฟ้าบนเสาไฟฟ้าที่อยู่ติดกับที่ทำการกองทุนหมู่บ้านนาหยาด จนพังเสียหาย 3 ตัว ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายซันนี่ยังคงร้องตะโกนเอะอะโวยวาย ขู่ฆ่าชาวบ้านที่มาช่วยกันจับตัวเอง ว่าจะตามไปเอาคืนให้ถึงบ้านทุกคน พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงนายซันนี่ยังไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง ยังคงดิ้นต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ร.ต.อ.วงศ์วริศฯ จึงตัดสินใจนำปืนช็อตไฟฟ้ามาทำการอาร์คช็อตไฟฟ้าไป 1 ครั้ง จนนายซันนี่สงบลง ก่อนนำตัวไปสงบสติที่ สภ.เมืองอุดรธานี
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนหน้าที่นายซันนี่จะคุ้มคลั่งอาละวาดได้ไปขอเงินญาติผู้น้องที่อยู่ตรงข้ามกัน แต่ญาติบอกว่าไม่มีเงินให้ นายซันนี่จึงเริ่มมีอาการหงุดหงิด น้าสาวเห็นท่าไม่ดีจึงชวนมากินข้าวเย็นด้วย โดยตักต้มยำไก่ใส่ถ้วยมาให้ 1 ถ้วย จังหวะนั้นนายซันนี่เริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น คว้าถ้วยต้มยำไก่ที่ยังร้อนอยู่จากมือน้าสาวมาสาดใส่น้าตัวเองทันที พร้อมกับตะโกนโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์ ฟาดแขนฟาดมือไปมาจนน้าสาวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนที่ญาติจะหนีกระเจิงไปคนละทาง โชคดีว่าในละแวกหมู่บ้านมีงานศพอยู่ไม่ห่างกันนัก ชาวบ้านที่เป็นผู้ชายจึงวิ่งเข้ามาช่วยกันจับตัวนายซันนี่เอาไว้ได้ ก่อนที่จะมีเหตุรุนแรงไปมากกว่านี้
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 60 บ.นาหยาด ม. ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี ไปพบกับนายสุรชาติ แก้วกำ อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน และพ่อของนายซันนี่ โดยมีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านใกล้เคียงมาร่วมกันให้ข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสุรชาติฯ ให้ข้อมูลว่า บ้านหลังนี้อยู่กับภรรยาและนายซันนี่ลูกชายคนเล็ก ส่วนลูกชายคนโตไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด นายซันนี่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ชอบดื่มสุรา เวลาเมาแล้วก็จะเอะอะโวยวายหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ลูกชายมีอาการออกจะเพี้ยนๆ มีประวัติเคยเสพยาบ้า เวลาตนเองสั่งสอนก็จะไม่ฟัง โวยวายด่าทอพ่อแม่ด้วยคำหยาบคาย แต่ยังไม่เคยลงมือทำร้ายพ่อหรือแม่ มีแต่ทำลายข้าวของในบ้านเท่านั้น ไม่เคยเห็นลูกชายคุ้มคลั่งถึงขนาดนี้ แต่จะชอบมีอาการในวันพระ ตอนนี้ภรรยากำลังทำเรื่องส่งตัวลูกชายไปรักษาอาการทางจิตแล้ว
นายแสนสุข เชื้อสีนนตรี อายุ 50 ปี อดีตนายจ้าง ชาวบ้านนาหยาด เล่าว่า เมื่อวานนี้มีงานศพในหมู่บ้าน มีคนวิ่งมาบอกว่า มีคนอาละวาดทำลายสิ่งของ ผู้ชายภายในงานศพจึงกันมาช่วยกันควบคุมเหตุ ตอนที่ตนมาถึงเห็นนายซันนี่กำลังเอาขวดโยนใส่เสาไฟ ก่อนหน้านั้นได้ไปตบชาวบ้านมาคนหนึ่ง แต่ตนก็มาไม่ทันเหตุการณ์นั้น พอมาถึงพวกตนก็จับแล้วเอาเชือกมามัดแขนมัดขาไว้รอเจ้าหน้าที่ ส่วนมากนายซันนี่จะทะเลาะกับพ่อแม่มากกว่า ตนก็เพิ่งเห็นอาละวาดในหมู่บ้าน แล้วชาวบ้านในหมู่บ้านก็กลัว กลัวว่าจะไปทำร้ายคนอื่นมากกว่านี้
“ หลังจากตำรวจจับกุมไปชาวบ้านก็รู้สึกว่าสบายใจขึ้นไม่ต้องมาหวาดกลัว ในช่วงที่นายซันนี่คุ้มคลั่งโวยวาย จำใครไม่ได้สักคน พ่อและแม่ก็ไม่รู้จัก ใช้อารมณ์ทำลายสิ่งของอย่างเดียว ตนเองเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เคยเป็นหัวหน้างานของนายซันนี่ ช่วงทำงานด้วยกัน เริ่มเห็นอาการไม่ดีแล้ว คิดว่าเป็นอาการจากการที่เคยเสพยาเสพติด และกินเหล้าร่วมกันด้วย เมื่อเห็นอาการไม่ดีแบบนี้ จึงเลิกจ้างงานนายซันนี่ได้ปีกว่าแล้ว กระทั่งมาเกิดเหตุรุนแรงนี้ขึ้น “
นางหนูสัน ภักดี อายุ 51 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า นายซันนี่เป็นคนคล้ายโรคประสาท เวลามีอาการก็จะอาละวาดขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือกินยาไม่ต่อเนื่อง เขามีพฤติกรรมแบบนี้มานานแล้ว เนื่องจากเป็นโรคประสาท ญาติเคยพาไปรักษาแล้ว ตนรู้สึกหวาดกลัว ที่ผ่านมาเคยมาขู่ฆ่ายายคำสิงห์ ชุมพล อายุ 86 ปี ที่บ้านด้วย ยายก็ต้องอยู่อย่างหวดระแวง เมื่อคืนเขาทำร้ายญาติคนที่หาข้าวให้กินจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะโยนขวดจนชุลมุนไปหมด ต้องไปวิ่งหาที่หลบอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อคืนมีอาการรุนแรงกว่าทุกครั้ง เขาร้องด่าใช้คำหยาบคาย โยนสิ่งของใส่ และทำลายท่อน้ำประปา หลังจากที่ตำรวจจับตัวเขาไปแล้ว ชาวบ้านก็โล่งใจ แต่เห็นว่าทางญาติจะรับตัวกลับไปรักษา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เสพสุราหรือมึนเมาอย่างอื่น จนเป็นเหตุให้ตนเมา ประพฤติวุ่นวายหรือครองสติไม่ได้ขณะอยู่ในถนนสาธารณะหรือสาธารณสถาน ,ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกาย ต้องรอผู้เสียหายเข้าไปแจ้งความอีกครั้งหนึ่ง