ทะเลบัวแดง หรือหนองหานกุมภวาปี ได้รับยกย่องจาก CNN ให้เป็น 1 ใน 10 สถานที่แปลกที่สุดในโลก เพราะ “ดอกบัวแดง” เบ่งบานพร้อมกันตามธรรมชาติ นับหมื่นไร่ช่วงต้น พ.ย.-ปลาย ก.พ.ของทุกปี แต่ปีนี้ 2565 ดอกบัวแดงเกิดเพียง 25 % เพราะ “จอกหูหนูยักษ์” วัชพืชลอยน้ำจากอเมริกาใต้ มันเป็นปีศาจสีเขียว ของกรมวิชาการเกษตร และมันเป็นหนึ่งใน “เอเลี่ยนสปีชีส์” เชื่อว่าปีนี้มีมากกว่า 7 แสนตัน
3 ปีก่อน เริ่มพบเห็น “จอกหูหนูยักษ์” กระจายอยู่หลายจุดในหนองหานกุมภวาปี หรือทะเลบัวแดง จากนั้นก็เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ และจะลอยอยู่บนผิวน้ำ ไปตามกระแสลมที่เปลี่ยนไปมา โดยเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยว จอกหูหนูยักษ์จะลอยมาปิดท่าเรือ ชาวบ้านและชาวเรือต้องออกแรงช่วยกันกำจัด ต่อมาได้ขอรับสนับสนุนเครื่องจักรมาช่วย ลักษณะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า พอมาในปีนี้มีความรุนแรงมาก จอกหูหนูยักษ์ถูกนำขึ้นมา กองไว้เป็นภูเขาเลากา ที่ท่าเรือบ้านเดียม ชาวบ้านนำมาทำเป็นปุ๋ยหมัก หรือนำไปใส่เลือกสวนไร่นา
นายไพรสิทธิ์ สุขรมย์ ประธานวิสาหกิจชุมชนเรือท่องเที่ยวทะเลบัวแดงบ้านเดียม เปิดเผยว่า กลุ่มเรือไม่มีทางออกไปชมทะเลบัวแดง จึงใช้เรือที่ยังไม่ถึงคิวให้บริการ ช่วยกันผลักจอกหูหนูยักษ์เข้าฝั่ง จากนั้นใช้คนตักเอาขึ้นมา แต่ปริมาณเยอะเกินไปทำไม่ไหว จึงไปขอความช่วยเหลือจากฝายกุมภวาปี เพื่อขอความอนุเคราะห์เรือโป๊ะพร้อมรถแบคโฮ จาก อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น มาช่วยตักจอกหูหนูยักษ์ขึ้นมา โดยค่าน้ำมันทางกลุ่มเรือก็ช่วยออกครึ่งหนึ่ง
“ ชาวเรือช่วยกันเอาเรือท่องเที่ยว มาดันจอกหูหนูยักษ์เข้าฝั่ง ให้เรือโป๊ะพร้อมรถแบคโฮ ตักขึ้นจากน้ำมากองไว้ริมฝั่ง ปีนี้ตักมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกปลายสิงหาคม 2564 ครั้งที่สองตุลาคม 2564 และครั้งที่สามพฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมแล้วน่าจะเอาขึ้นมาได้กว่า 100 ตัน จากนั้นได้ขอให้ ผญบ.ทั้ง 2 หมู่บ้าน ประชุมสมาชิกกลุ่มฯ ถ้าใครต้องการที่จะนำเอาจอกหูหนูยักษ์ไปทำเป็นปุ๋ย ให้มาเอาไปฟรีได้เลยสำหรับคนในชุมชน และสมาชิกกลุ่ม ”
นายไพรสิทธิ์ สุขรมย์ กล่าวต่อว่า มีทางร้านขายต้นไม้มาติดต่อขอซื้อ แต่เราขายให้ใครไม่ได้ เกรงว่ามันเป็นทรัพย์สินของราชการ ก็เลยไม่ได้ขายไปให้ใคร หลังปีใหม่นายธนัชชัย สามเสน อดีตประธานหอการค้า จ.อุดรธานี มาเห็นกองจอกหูหนูยักษ์ เลยเชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มาช่วยแนะนำในการทำปุ๋ย ซึ่งมีสัดส่วนทำปุ๋ยจากเศษใบไม้ ฟางข้าว ผสมกับปูนคอกมาหมักทำเป็นปุ๋ย เมื่อมาเจอจอกหูหนูยักษ์ก็อยากนำมาทดลองทำปุ๋ย เชื่อว่าจะได้คุณภาพดีกว่าใบไม้หรือฟาง เพราะจอกหูหนูยักษ์มีธาตุอาหารอยู่ครบ
“ อาจารย์มาสอนทำปุ๋ยกองแรก สูตรปุ๋ยแม่โจ้ 1 ที่ไม่ต้องกัดกรอง 19 มกราคมที่ผ่านมา และถ้าถึง 19 มีนาคมปีนี้ก็จะครบกำหนด ปุ๋ยหมักก็น่าจะรู้ผลว่าใช้ได้หรือไม่ ตั้งใจว่าจะนำเอาปุ๋ยที่ได้ไปตรวจ วัดหาค่าธาตุอาหารจะมีคุณค่าประเภทอะไรบาง เพื่อนำไปใช้เป็นปุ๋ยสำหรับนาข้าว สวนผลไม้ หรือพืชผัก ทดแทนปุ๋ยเคมีที่มีราคาสูง หลังจากนั้นชาวเรือก็รวมกลุ่มๆละ 3-5 คน ทำกองปุ๋ยหมักจอกหูหนูยักษ์ ทุกวันในช่วงบ่ายหลังจากขับเรือบริการนักท่องเที่ยวแล้ว ”
นายไพรสิทธิ์ สุขรมย์ ประธานวิสาหกิจชุมชนเรือท่องเที่ยวทะเลบัวแดงบ้านเดียม กล่าวอีกว่า ปุ๋ยหมักสูตรแม่โจ้ 1 ไม่ต้องกลับกองจากจอกหูหนูยักษ์ จะทำเป็นบล็อกกว้าง 2.40 ม.ยาว 4 ม. สูง 1.5 ม. จะกองหมักจอกหูหนูยักษ์ขึ้น 15 ชั้น ๆละ 10 ซม. ระหว่างชั้นใช้ปุ๋ยคอก (ขี้วัว-ขี้ควายแห้ง) โรยให้ทั่ว ปุ๋ยคอกจะทำให้วัตถุดิบละลายกลายเป็นปุ๋ย โดยต้องรดน้ำทุกวันต่อเนื่อง 2 เดือน โดยไม่ต้องกลับกองปุ๋ย แต่ใช้ลำไม้ไผ่ที่ทะลุปล่อง แทงเข้าไปในกองปุ๋ยเป็นระยะ แต่ละกองจะได้ปุ๋ยราว 1 ตัน ตอนนี้ทำไปแล้ว 22 กอง
นายไพรสิทธิ์ สุขรมย์ กล่านตอนท้ายด้วยว่า อาจารย์กำชับว่าเป็นปุ๋ยไม่ใช่ดินปลูก ถ้าจะทำเป็นดินปลูกต้องผสมกับดินอีก ใช้ดินอะไรก็ได้มาผสม โดยชาวบ้านใช้เฉพาะแรงงานเท่านั้น ขี้วัวเราก็ได้มาจากชุมชน เพราะชาวบ้านเลี้ยงวัวควายอยู่แล้ว จึงประหยัดต้นทุนในการซื้อปุ๋ยคอก ต่อไปเราจะทดลองเอาจอกหูหนูสดขึ้นมา ทดลองทำปุ๋ยพืชสด คาดว่าวิธีทำคงจะไม่เหมือนกัน รออาจารย์มาสอนอีกครั้ง ซึ่งถ้าสูตรทำปุ๋ยสดแล้วได้ผลเร็วกว่าสูตรปุ๋ยหมัก ก็น่าจะเป็นประโยชน์ในการที่จะกำจัดจอกหูหนูยักษ์….