เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปร้านต้นตระการ ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า กล้องวงจรปิด และซ่อม จำหน่ายโทรศัพท์มือถือมือสอง เลขที่ 115 ม.9 ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ไปพบกับนายต้นตระการ ขุลีหลาย อายุ 40 ปี เจ้าของร้านฯ หลังจากมีการโพสต์เฟซบุ๊คเพื่อติดตามคนร้ายที่มาลงมือก่อเหตุขโมยโทรศัพท์มือถือภายในตู้กระจกหน้าร้านไป 1 เครื่อง โดยเป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดของร้าน ซึ่งสามารถบันทึกภาพขณะคนร้ายลงมือเอาไว้ได้ทั้งหมด ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไปอย่างใจเย็น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.35 น. วันเดียวกัน คนร้ายเป็นชายวัยรุ่น อายุประมาณ 18 ปี ตัดรองทรง เสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสีกรมท่า สวมรองเท้าแตะสีขาว เดินเข้ามาบอกให้ช่วยซ่อมโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่เจ้าของร้านจะรับมือถือเอาไปเสียบชาร์ตแบตเตอรี่ในร้าน เพื่อตรวจเช็คอาการในเบื้องต้น จังหวะเดียวกันคนร้ายได้เดินอ้อมมาด้านหลังตู้กระจกโชว์สินค้า แล้วใช้มือเอื้อมหยิบเอาโทรศัพท์มือถือภายในตู้มาใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะพูดคุยกับเจ้าของร้านอีกระยะหนึ่ง แล้วจึงเดินออกจากร้านไป ก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนี โดยทิ้งมือถือเครื่องเก่าที่ใช้งานไม่ได้เอาไว้ที่ร้าน
นายต้นตระการฯ เล่าว่า คนร้ายทำทีมาขอให้ซ่อมมือถือให้ อาศัยจังหวะที่ตนกำลังชุลมุนรับลูกค้าอีกรายอยู่ ตนจึงไม่ได้ระวัง โทรศัพท์ที่คนร้ายขโมยไป ยี่ห้อไอโฟน รุ่น 8+ มือสอง ราคา 7,900 บาท แต่หลังจากคนร้ายออกจากร้านไป ตนก็รีบมาเช็คของภายในตู้ทันที พอรู้ว่าสินค้าหาย ก็รีบออกไปดูคนร้าย แต่ก็ไม่เห็นแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งความ แต่กำลังจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เตรียมจะไปแจ้งในวันพรุ่งนี้ และจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด เพราะที่ร้านมีคนมาขโมยมือถือแล้วหลายครั้ง เบื้องต้นได้ให้คนรู้จักช่วยดูรูปพรรณคนร้าย และทราบแล้วว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน คาดว่าเป็นเด็กวัยรุ่นในพื้นที่ มีบ้านอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน
“ ที่ผ่านมาตนถูกคนร้ายมาขโมยมือถือในร้านแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ลักษณะเดียวกัน มุมเดียวกัน แต่ครั้งนั้นไม่ได้เอาเรื่องเพราะได้ของคืน ตนเปิดร้านนี้มาได้ประมาณ 3 ปี และยังออกไปเปิดหน้าร้านขายตามตลาดนัด ซึ่งก็มักจะถูกคนร้ายมาขโมยโทรศัพท์มือถืออยู่บ่อยครั้ง ตามตลาดนัดมักจะมากันเป็นกลุ่ม 2-3 คน จะมีคนหนึ่งมาพูดคุยกับเราเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ อีกคนก็จะคอบบังไม่ให้เราเห็น หรืออาศัยจังหวะเราเผลอหยิบของเราไป ซึ่งตามตลาดนัดจะไม่สามารถจับคนร้ายได้ เพราะคนเยอะมาก หากคนร้ายออกจากพื้นที่ก็จะติดตามไม่ได้ ต่างจากที่ร้าน ที่เรามีกล้องวงจรปิด จะสามารถบันทึกภาพและเป็นหลักฐานสำคัญ ฝากถึงคนร้ายให้เลิกพฤติกรรมแบบนี้ ให้ไปทำมาหากิน เพราะคนทำงานสุจริตเดือดร้อน “
