วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
Google search engine
หน้าแรกสังคมแรงงานอุดรดับ 5 ญาติเศร้ารอรัฐบาลยืนยัน

แรงงานอุดรดับ 5 ญาติเศร้ารอรัฐบาลยืนยัน

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ข่าวความคืบหน้าเหตุภาวะสงคราม กลุ่มฮามาสนำกองกำลังเข้าโจมตี พื้นที่เศรษฐกิจ ฟาร์มเกษตร และกองกำลังทหาร ในประเทศอิสราเอล ที่มีแรงงานไทยทำงานอยู่กว่า 18,000 คน ก่อนหน้านี้ระบุว่ามีแรงงานชาวอุดรธานี บาดเจ็บ 1 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 4 ราย ล่าสุดมีข่าวเผยแพร่ทางออนไลน์ว่า มีชาวอุดรธานี 5 คน ถูกยิงเสียชีวิตในฟาร์มแห่งหนึ่งใกล้ฉนวนกาซา ทางตอนใต้ของอิสราเอล

ข่าวระบุว่าชื่อ-สกุล คือ 1.นายจักรพงษ์ จันทรเสนา หรือหม่อน อายุ 28 ปี เลขที่ 93 ม.5 ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี , 2.นายอนุชา โสภากุล หรือแจ๊ค อายุ 28 ปี เลขที่ 5 ม.10 ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี , 3.นายไกรสร อรัญถิตย์ หรือเหลย อายุ 29 ปี เลขที่ 155 ม.4 ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี , 4.นายธีรพงษ์ กลางสุวรรณ หรือดอน อายุ 38 ปี เลขที่ 151/5 ม.5 ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี อีก 1 รายยังไม่ทราบชื่อและที่อยู่

นายอนุชา บุญญะสาร อายุ 34 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ค “Anucha Nu” เล่าผ่านวีดีโอคอลว่า ตนทำงานอยู่ในฟาร์ม เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ ใกล้กับเขตฉนวนกาซา ถูกกลุ่มฮามาสภาคพื้นดิน เข้าโจมตีด้วยอาวุธสงคราม เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ตัวนายอนุชาฯหลบซ่อนตัวอยู่ในที่พัก เมื่อออกมาจากพื้นที่ได้ จึงได้สอบถามนายจ้างถึงชะตากรรมของเพื่อนร่วมงาน นายจ้างแจ้งว่าแรงงานไทยเสียชีวิตภายในห้องพัก 6 ราย เป็นชาว จ.อุดรธานี 5 ราย และเป็นชาว จ.สกลนคร 1 ราย

“ ส่วนศพทั้ง 6 ราย ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่รู้อยู่ที่ไหน เท่าที่รู้ยังไม่ได้เคลื่อนออกมา เพียงแค่ยืนยันว่าตาย มาทำงานที่นี่ราว 2 ปี ไม่เคยเจอความรุนแรงขนาดนี้ ปกติมีแต่การยิงผ่านน่านฟ้าเข้ามา แต่ครั้งนี้มีกำลังภาคพื้นดินเข้ามาด้วย ทำให้ไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนนี้แม้จะอพยพออกมา แต่ก็ยังไม่ปลอดภัย อยากกลับบ้านมาก ได้ประสานไปยังสถานทูตแล้ว คาดว่าจะได้บินกลับภายในสัปดาห์นี้ ”

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านแรงงานทั้ง 4 ราย รายแรก เลขที่ 93 ม.5 บ้านเดียม ต.เชียงแหว บ้านของนายจักรพงษ์ จันทรเสนา หรือหม่อน ญาติพี่น้องได้นำเต้นท์มากางที่หน้าบ้าน หลังมีข่าวจากสื่อโซเซียล และทีวี.ว่านายหม่อนฯเสียชีวิต รวมทั้งนายทินกร ดอนธงขวา ปลัดอาวุโส อ.กุมภวาปี เดินทางมาให้กำลังใจ และสอบถามข้อมูลที่ชัดเจน เพราะยังไม่มีการยืนยันอัตลักษณ์ตัวตน มีเพียงภาพขาวดำโพสต์ลงสื่อโซเชียล

น.ส.หมิว อายุ 28 ปี ภรรยานายหม่อนฯ เปิดเผยว่า เมื่อเช้าไปศูนย์ดำรงธรรม อ.กุมภวาปี และ สนง.จัดหางาน จ.อุดรธานี เพราะไม่เชื่อสามีเสียชีวิต ยังหวังว่าสามีมีชีวิตอยู่ โดยช่วงเช้าของอิสราเอล สามียังวิดีโอคอลมาพูดคุยกับอยู่ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ให้ติดต่อกลับมา ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ญาติๆทุกคนก็รอฟังข่าว อย่างมีความหวัง หากสามีเสียชีวิตไปแล้ว จะต้องมาเข้าฝันบอกแล้ว

นายสนธยา จันทรเสนา หรือโบ้ อายุ 32 ปี พี่ชายนายหม่อนฯ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า น้องชายและนายแจ๊คฯเป็นเพื่อนกัน ซึ่งน้องชายเดินทางไปเพียง 8 เดือน รู้ข่าวจากญาติที่ไปทำงานด้วยกัน ว่าน้องชายเสียชีวิตเมื่อบ่าย 9 ต.ค. ที่ผ่านมา โทรสอบถามเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จากนั้นมีการโพสต์ภาพขาวดำ ยังไม่เห็นภาพศพจึงมีความหวัง ตนอยากให้น้องกลับมาพ่อหาแม่ ไม่เอาแล้วเงิน หาเมื่อไหร่ก็ได้

“ ผมเคยไปทำงานที่อิสราเอล แต่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้ มีเพียงการยิงจรวจเข้ามา แต่ก็สกัดกันเอาไว้ได้ ผมก็หลบในหลุมหลบภัย จะมีแต่ก็หลบหนีไม่ทัน ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ซึ่งผมมีความหวังว่าน้องชายจะมีชีวิตอยู่ ราชการควรประกาศชื่อ คนเสียชีวิตว่าเป็นใครบ้าง ทำแบบนี้ทำให้สับสน หวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิคุ้มครองน้องให้ปลอดภัย ”

รายที่สอง บ้านเลขที่ 5 ม.10 บ.เดียม ต.เชียงแหว บ้านนายอนุชา โสภากุล หรือแจ๊ค อายุ 28 ปี แรงงานชาวอุดรธานี พบกับนางสนิท โสภากุล 81 ปี และนายจันทร์ โสภากุล 77 ปี ปู่และย่า ของนายแจ๊ค ร่วมเปิดเผยว่า หลานชายไปทำงานได้ 4 ปี บอกจะไปหาเงินมาให้ เพราะฐานะยากจน ทำงานที่บ้านเราจะได้เงินไม่มาก ไปแล้วก็ส่งเงินมาให้ตนและพ่อแม่ อยากให้เขาใช้หนี้ให้หมด

นางสนิทฯ เปิดเผยต่อว่า ช่วงเช้าวันนี้ได้ยินเสียงสามีร้องไห้ จึงสอบถามสามีแต่ไม่อยากให้ตนรู้เรื่อง เพราะร่างกายไม่แข็งแรง กลัวเป็นอะไรไป ก่อนจะมีญาติมาบอกเรื่องที่เกิดขึ้น เชื่อว่าหลานเสียชีวิตแล้วจริง เพราะติดต่อไม่ได้ 3 วันแล้ว ตอนพ่อเขาไปทำงานที่อิสราเอล ตนยังไม่ห่วงเท่าหลาน ส่วนพ่อกับแม่เขา เดินทางไปที่อำเภอสอบถามเป็นเรื่องจริงหรือไม่

รายที่สาม บ้านเลขที่ 155 ม.4 ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน บ้านนายเหลยฯ แรงงานชาวอุดรธานี พบกับนางเพ็ญ อินทนู อายุ 48 ปี , น.ส.ณัฐชา พร้อมประเสริฐ หรือเบล อายุ 29 ปี แม่และภรรยา โดยมีญาติพี่น้องที่ทราบข่าวมาให้กำลังใจ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยช่วงเช้ามีฝ่ายปกครองจาก อ.หนองหาน ได้ลงพื้นที่มาขอข้อมูล และให้กำลังใจครอบครัวแล้ว

น.ส.ณัฐชา เล่าว่า สามีไปทำงานฟาร์มเลี้ยงไก่ ที่อิสราเอลมา 5 ปี เงินเดือน 5-6 หมื่นบาท มีลูกสาว 2 คน อายุ 9 ขวบกับ 7 ขวบ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสามีได้บอกว่า เดือนหน้าหมดสัญญาจะกลับบ้าน ซึ่งจะส่งเงินมาให้น้อยลง ปกติแล้วแฟนจะส่งเงินมาให้ 15,000-20,000 บาท รู้ข่าวสามีเสียชีวิตจากเพื่อน สามี

รายที่สี่ เลขที่ 151/5 ม.5 ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี บ้านของนายธีรพงษ์ กลางสุวรรณ หรือดอน อายุ 38 ปี พบกับ น.ส.สุดา เทพแก้ว หรือดี้ อายุ 36 ปี ภรรยา โดยมีญาติพี่น้องเดินทางมาติดตามข่าว และให้กำลังใจจนเต็มพื้นที่ใต้ถุนบ้าน รวมทั้งนายสาคร กลางสุวรรณ อายุ 62 ปี และนางวรรณี กลางสุวรรณ อายุ 60 ปี พ่อและแม่ของนายดอนฯ เดินทางมาจาก อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู มาติดตามข่าวลูกชายด้วยเช่นกัน

น.ส.สุดา ภรรยานายดอนฯ เล่าว่าทั้งน้ำตา แต่งงานกันมานานแล้ว มีลูกสาว 2 คน อายุ 18 ปี และ 16 ปี สามีจบ ปวช.แผนกบัญชี เดิมทำไร่มันและกรีดยาง ไปทำงานเกษตรที่อิสราเอลครั้งแรก เพื่อปลดหนี้สินให้ครอบครัว 1 ล้านบาท ไปทำงานได้ 2 ปี 10 เดือน ได้เงินเดือนๆละ 5 หมื่นบาท มีกำหนดจะกลับมาเยี่ยมบ้าน 15 ต.ค.ที่จะถึงนี้ โดยบอกญาติหลายคนไว้ นัดกินเลี้ยงกัน

นายสาคร นางวรรณี พ่อและแม่นายดอนฯ ร่วมให้ข้อมูลว่า มีลูก 4 คน นายดอนเป็นลูกชายคนที่ 2 นอกนั้นเป็นลูกสาวหมด ได้แต่งงานและแยกครอบครัวมาอยู่ที่ อ.หนองหาน ทำใจไว้แล้วเพราะเพื่อนร่วมงาน ยืนยันว่าลูกเสียชีวิตจริง

ผู้สื่อข่าวสอบถาม ภรรยานายดอนฯ ว่าได้เห็นคลิปเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นหรือยัง น.ส.สุดา บอกว่ายังไม่เห็น ได้ฟังเพียงคำบอกเล่าจากเพื่อนร่วมงาน และได้ขอดูคลิปจากผู้สื่อข่าว เมื่อเปิดดูได้ไม่นานระบุว่า ห้องที่เกิดเหตุเป็นห้องพักของสามีจริง เมื่อคลิปเล่นไปถึงจังหวะที่เห็นศพผู้เสียชีวิต และมีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่อง ต่างยืนยันว่า 1 ในนั้นเป็นนายดอน ทำให้มีเสียงกรีดร้อง และหลายคนร้องไห้เสียงดัง ต่างสะเทือนใจกับภาพที่เห็น บางคนเป็นลมต้องรับการปฐมพยาบาล….

 

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments