จากเหตุกลุ่มฮามาส บุกโจมตี “ฉนวนกาซา” ประเทศอิสราเอล ส่งให้แรงงานชาวไทยเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 8 ราย และถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ในจำนวนนั้นระบุว่าเป็นชาวอุดรธานี ประกอบด้วย 1.นายอนุชา อ่างแก้ว หรืออาร์ต อายุ 28 ปี ชาว อ.กุดจับ ถูกจับเป็นตัวประกัน ยืนยันตามภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมา , 2.นายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 45 ปี ชาว อ.สร้างคอม ถูกจับเป็นตัวประกัน พร้อมภรรยาชาว จ.ขอนแก่น , 3.นายมาโนช สีทอง อายุ 31 ปี ชาว ต.เชียงยืน อ.เมือง บาดเจ็บสาหัสพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และ 4.ชาว อ.บ้านดุง ที่ญาติร้องเรียนไม่สามารถติดต่อได้
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2566 ว่าที่ร้อยโท อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ เพื่อให้กำลังใจครอบครัว ญาติพี่น้องของแรงงานที่ประสบปัญหา พร้อมแจ้งข้อมูลที่ถูกต้อง ตลอดจนรับทราบข้อมูล ความต้องการของญาติแรงงาน ซึ่งเป็นขั้นตอนการปฏิบัติ ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ โดยจัดหางาน จ.อุดรธานี ให้ข้อมูลไม่มากนัก เนื่องจากยังไม่ชัดเจน และเกรงกระทบกับแรงงานไทย ที่ยังคงถูกจับเป็นตัวประกัน
รายแรกที่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 9 ต.ปะโค อ.กุดจับ จ.อุดรธานี บ้านของนายอนุชา อ่างแก้ว หรืออาร์ต อายุ 28 ปี แรงงานที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และมีภาพปรากฎในข่าว นายวัชรพล ขาวขำ ส.ส.เขต 9 อุดรธานี เดินทางมาสมทบกับจัดหางาน จ.อุดรธานี ได้พบกับนายพรชัย อ่างแก้ว อายุ 52 ปี นางวาสนา โยจำปา อายุ 45 ปี พ่อแม่นายอาร์ต และ น.ส.วนิดา มาอาษา หรือเดือน อายุ 30 ปี ภรรยานายอาร์ต
น.ส.วนิดาฯ เปิดเผยว่า ปกติสามีจะวีดีโอคอลมาคุยกับตนเอง และลูกสาว อายุ 7 ขวบ ล่าสุดคุยทางเฟสบุ๊คเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 6 ตุลาคม เขาบอกว่าเหนื่อยขอตัวไปนอน จน 02.00 น. ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว จนเช้ามีญาติและเพื่อนบอกว่าสามีถูกจับเป็นตัวประกัน ตอนนั้นก็ตกใจมาก ฝากบอกสามีว่า ขอให้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัย และขอบพระคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยเหลือ
นายพรชัยและนางวาสนา พ่อและแม่นายนอาร์ต เล่าทั้งน้ำตาว่า อาร์ต เป็นลูกคนโต สมัครไปทำงานเกษตร สวนอโวคาโด เงินเ ดือน 50,000 บาท สัญญา 5 ปี เดือนมีนาคม 2567 จะครบ 2 ปี ลูกจะขอกลับบ้านมาพักเพื่อขึ้นบ้านใหม่ เมื่อเย็นวานนี้ญาติที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพ ส่งภาพและโทรมาบอก เมื่อโทรไปหาลูกก็ไม่รับสาย ได้ไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิให้คุ้มครอง
รายที่สองที่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 1 ต.หินโงม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี บ้านนายบุญถมฯ แรงงานที่ถูกจับเป็นตัวประกัน พร้อมกับนางศศิวรรณ พันธ์ฆ้อง ภรรยาชาว จ.ขอนแก่น พบชาวบ้านมาให้กำลังใจนางเขียน พันธ์ฆ้อง อายุ 85 ปี แม่นายบุญถม ซึ่งชราภาพมากแล้ว และนอนฟังข่าวลูกชายอยู่ในห้องชั้นล่าง โดยมีนางอุไร จันทรชาติ อายุ 61 ปี พี่สาวนายบุญถม ประครองแม่ออกมานั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน พูดเพียงสั้นๆว่า “รู้ว่าลูกกับลูกสะใภ้ถูกจับเป็นตัวประกัน รู้สึกเป็นห่วงลูกมาก อยากให้รัฐบาลช่วยลูกและลูกสะใภ้ออกมาอย่างปลอดภัย”
ส่วนนางอุไร พี่สาวนายบุญถม เล่าว่า แม่มีลูก 9 คน ผู้ชาย 6 คน ผู้หญิง 3 คน นายบุญถม เป็นลูกคนสุดท้อง เดินทางไปกับ น.ส.ณัฐฐาวรี มูลกัน อายุ 35 ปี ภรรยา ไปทำงานเกษตร ปลูกมันฝรั่ง ที่ประเทศอิสราเอล ได้ 5 ปีกว่า เงินเดือน 3 หมื่นบาท ไม่เคยเดินทางกลับบ้าน รอภรรยาหมดสัญญาอีก 7 เดือนจะเดินทางกลับมา น้องชายจะโทรมาหาแม่และญาติประจำ ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2566 น้องโทรมาหาแม่ ตอนนี้ติดต่อไม่ได้
ส่วน น.ส.ศศิวรรณ พันธ์ฆ้อง หรือวิถีเทพ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173 หมู่ 1 ต.หินโงม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ซึ่งถูกระบุว่าเป็นภรรยานายบุญถม และถูกจับเป็นตัวประกันด้วยกัน เล่าว่า ตนคือ น.ส.ศศิวรรณฯ เป็นหลานนายบุญถม เคยเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลด้วยกัน แต่ตนกลับมาได้ 5 ปีแล้ว ส่วน น.ส.ณัฐฐาวรี มูลกัน อายุ 35 ปี ภรรยานาบุญถมคนที่ถูกจับไปบ้านเกิดอยู่ จ.ขอนแก่น
รายที่สามที่บ้านเลขที่ 219/1 บ้านสุขสำราญ ม.21 ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี บ้านนายมาโนช สีทอง อายุ 31 ปี แรงงานที่ได้รับบาดเจ็บ พบกับนางมนเทียร สีทอง อายุ 49 ปี แม่ของนายมาโนชฯ เล่าว่า มีลูก 2 คน ลูกชายไปทำงานอิสราเอล 5 ปีแล้ว นายจ้างต่อสัญญาให้อีก 1 ปี ส่งเงินมาให้ตลอด มีความเป็นอยู่ที่ดี ก่อนหน้านี้ที่เคยมีเรื่องรบกันชาว จ.หนองบัวลำภูเสียชีวิต ก็ได้บอกลูกชายให้กลับมาบ้าน ลูกชายก็บอกว่าไม่เป็นไรจะอดทนเอา ล่าสุดยังไม่สามารถติดต่อได้
น.ส.กัญญารัตน์ สีทอง อายุ 23 ปี น้องสาว เล่าว่า หลังเกิดเหตุ 10 นาที พี่ชายได้โพสต์ภาพ และเขียนข้อความระบุว่า “สถานการณ์นี้เกือบได้เอากระดูกกลับบ้าน” พี่ชายไม่เคยเขียนข้อความแบบนี้ แม่จึงโทรไปหาพี่ชาย แต่เป็นเพื่อนร่วมงานรับสาย บอกให้แม่ทำใจดีๆ แล้วบอกว่าพี่ชายถูกยิง อาการล่าสุดนั้นเพื่อนร่วมงานพี่ชายบอกว่าต้องรอล่ามจากทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้ง
ด้านนายอำพล หาญประยุทธ ชาวจังหวัดขอนแก่น เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าผ่านวีดีคอลว่า นายจ้างพากลับไปเอาพาสปอร์ตและกินข้าว ต้องผ่านถนนใหญ่ เราขับรถเรียบทางรถไฟ มาพบหน่วยคอมมาโด เขานึกว่าเราเป็นผู้ก่อการร้าย จึงยิงใส่รถพวกตน 2 ครั้ง มีเพื่อนถูกยิงเข้าที่ขา ตนจึงร้องให้ทุกคนหมอบลง ตอนนั้นมาโนชฯยังไม่ถูกยิง
“ จากนั้นเมื่อรถกำลังวิ่งเข้าทุ่งนา ก็ถูกยิงถล่มอีก เหมือนในหนัง มีเฮลิคอปเตอร์ด้านบน และคอมมาโดไล่ยิง จนต้องขับรถซิกแซกหลบไปมา แล้วมาโนชฯก็ถูกยิง ซึ่งภายในรถมีคนไทยและคนอิสราเอลนั่งกันไป 12 คน แล้วขับรถไปในหมู่บ้านก็ถูกคนในหมู่บ้านยิงใส่ล้อรถอีก 2 นัด ตนเห็นมาโชนถูกยิงจึงเข้าไปช่วย และเจ้าหน้าที่พาส่งโรงพยาบาล ”
นายวัชรพล ขาวขำ ส.ส.เขต 9 อุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ทราบข่าวตอน 18.00 น. เนื่องจากน้องเดือนภรรยาของน้องอาร์ตเป็นเพื่อนของน้องชาย จึง ได้ประสาน รมช.ต่างประเทศ เพื่อขอความช่วยเหลือน้องอาร์ต และมาให้กำลังใจครอบครัวของเขาในวันนี้ และช่วงบ่ายวันนี้ก็จะมีการประชุมเร่งด่วน จากหน่วยงานทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ว่าจะให้ความช่วยเหลือในทางไหนได้บ้าง
“ ตอนนี้ท่านนายกรัฐมนตรีได้ส่งการให้ความช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว เราได้เตรียมเครื่องบินไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราได้สแตนบายไว้อย่างเดียว ถ้าได้รับสัญญาณว่าน่านฟ้าเปิดเมื่อไหร่ เราจะรีบไปรับตัวคนไทยทุกคนกลับมาให้เร็วที่สุด ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าน้องอาร์ตถูกจับไปไว้ที่ไหน ยังไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ยังไม่สามารถตอบได้ ซึ่งสถานการณ์ที่นั่นก็ยังมีปัญหาอยู่ ส่วนตัวแล้วได้ข้อมูลที่มีสัญญาณที่ค่อนข้างดี ”
นายวัชรพล ขาวขำ ส.ส.เขต 9 อุดรธานี เปิดเผยอีกว่า พี่สาวตนเดินทางไปที่อิสราเอลบ่อย มีเพื่อนอยู่ที่นั่นเยอะ สอบถามแล้วก็สบายใจมากขึ้น เพราะคนที่ถูกจับไปมีทั้งคนอิสราเอลและคนไทย เขาไม่ประสงค์ต่อชีวิต เขาหวังผลทางการเมืองเท่านั้น แม้ว่าจะยังติดต่อคนไทยที่ถูกจับตัวไปไม่ได้ แต่ก็ยังสามารถติดคนไทยคนอื่น ๆได้อยู่ เพราะคนยังหลบซ่อนอยู่ในที่ต่างๆ และยังปลอดภัย ฝากถึงคนไทยทุกคนที่อยู่ที่นั่น ว่าให้หลบอยู่ในที่พัก หลบอยู่ในที่ตั้ง เพราะสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัย…