สาธุยังอลเวง! ชาวบ้านบุกร้องผู้ว่าฯซ้ำเงินวัดหาย 2.9 แสน ฉุนถูกนายอำเภอแย่งไมค์ไม่ให้พูด
จากกรณีเงินทำบุญฉลององค์พระเจ้าใหญ่ วัดบัวระพา ต.ทมนางาม อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ได้หายไปจำนวน 2.9 แสนบาท ระหว่างนำไปฝากที่ธนาคาร จากจำนวน 1,992,865 บาท ที่มีการนับครั้งแรก แล้วเก็บไว้ในตู้บริจาค ในกุฏิเจ้าอาวาส จนมีการดื่มน้ำสาบานกันยกวัด ชาวบ้านบางส่วนติดใจได้เข้าร้องเรียนที่อำเภอ ก่อนไปแจ้งความที่โรงพัก เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา
จนเมื่อเย็นวันที่ 2 พฤษภาคม นายชวิศ ป้องขันธ์ นายอำเภอโนนสะอาด ได้เข้าเจรจากับเจ้าอาวาสวัดและกรรมการวัด วันที่ 3 พฤษภาคม ได้ออกหนังสือแจ้งว่าทำการตรวจสอบและไม่มีเงินหายไป ทุกฝ่ายพอใจ และเตือนผู้ที่ออกมาให้ข่าว อาจมีความบิดเบือน จะมีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ต่อมามีการยกเลิกนัดหมายไกล่เกลี่ยกับชาวบ้านที่ร้องเรียน ในวันที่ 8 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. ล่าสุดนายอำเภอโนนสะอาด ได้ไปตามนัดหมายเดิม เพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องดังกล่าว แต่ฝ่ายชาวบ้านที่ร้องเรียนยังไม่พอใจ ระบุว่า ยังไม่โปร่งใส และยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเงินหายไปได้อย่างไร
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 นางวันดี ยาวิชัย อายุ 49 ปี ชาว บ.ทมนางาม ม.1 และชาวบ้านประมาณ 10 คน ได้เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี เพื่อยื่นหนังสือเข้าร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้ตรวจสอบเรื่องเงินวัดบัวระพาหาย เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสการควบคุมเงินวัดโดยบุคคล 3 ราย คือนางบุญมี ปิดตาลโพ ผู้ใหญ่บ้าน บ.ทมนาดี ม.4 , นางจิรัชญา นิยม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 และนายสุเนก สุริเวช ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่10 ซึ่งทั้ง 3 คน ไม่ใช่กรรมการวัด โดยมีนายครรชิต ชิงจันทร์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ และร่วมรับฟังปัญหาจากชาวบ้าน
นางวันดี ยาวิชัย ชี้แจงในวงสนทนาว่า ที่ต้องมาร้องเรียนเพิ่มเติมเนื่องจากวันนี้ในการพูดคุยกับนายอำเภอนั้น ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ตอนแรกมีการยกเลิกการนัดหมาย แต่ชาวบ้านก็ยืนยันจะมารวมตัวกันถกปัญหานี้ นายอำเภอจึงเข้ามาที่วัด เขาก็พูดแต่เรื่องเดิมว่า มีการตรวจสอบที่ชัดเจนแล้ว เรามองว่าเป็นการพูดเหมือนเดิม แต่ไม่ได้ชี้แจงให้ชาวบ้านได้หายสงสัยแม้แต่น้อย บอกที่มาที่ไปของตัวเลขที่ไม่เท่ากันได้ บอกเพียงแต่ว่า ไกล่เกลี่ยกันเข้าใจแล้ว ขอให้ยุติแต่ในอำเภอ ไม่ให้ไปร้องเรียนที่จังหวัดอีก
เช้าวันนี้นายอำเภอเชิญให้ชาวบ้านมาพูด มาตั้งคำถาม แต่พอเราพูดไป ก็บอกให้ฟังก่อน ไม่รู้ว่านายอำเภอเขาต้องการอย่างไร เขาต้องการให้เราฟังอย่างเดียวใช่หรือไม่ แล้วจะให้พูดทำไม จนมีผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเดินออกมาคว้าไมโครโฟนเพื่อพูดบ้าง แต่นายอำเภอก็มีท่าทีไม่พอใจ พยายามจะแย่งไมโครโฟนคืน เมื่อเป็นลักษณะนี้เราก็ต้องมาร้องเรียนเพิ่ม เพื่อให้ตรวจสอบให้ชัดเจนมากกว่าที่เป็นอยู่
นางวันดี ชี้แจงอีกว่า เราอยากได้ความชัดเจน อยากให้สอบผู้ใหญ่บ้านและพวกว่า ทำไมถึงต้องมายุ่งเกี่ยวกับเงินของวัดถึงขนาดนั้น อยากให้ทำเป็นขั้นเป็นตอน เขาชี้แจงมาแล้ว 3 ครั้ง แต่เราก็ยังมองว่ามันไม่ถูกต้อง ประกาศและโพสต์เฟซบุ๊คว่าเงินรายได้ทั้งหมดตอนแรกเป็นยอดหนึ่ง เมื่อเจ้าอาวาสเอาไปฝากธนาคารก็เป็นอีกยอดหนึ่ง ซึ่งมันหายเยอะเกินไป ยอดเกือบ 3 แสนบาท ชาวบ้านทุกคนรับไม่ได้ อยากให้โปร่งใสมากกว่านี้ วันที่นับเงินก็มีแต่พวกเขา วันที่ไกล่เกลี่ยกันวันที่ 2 พฤษภาคม ก็ไม่ยอมให้ชาวบ้านเข้าไปฟังด้วย
เบื้องต้นนายครรชิต ชิงจันทร์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี ได้ชี้แจงต่อชาวบ้านว่า จะนำเรียนนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี อีกครั้ง ซึ่งจะได้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
นายชวิศ ป้องขันธ์ นายอำเภอโนนสะอาด เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ว่า เจ้าอาวาสได้มาชี้แจงรอบ 2 แล้วเมื่อเช้านี้ โดยอธิบายว่าที่วัดไม่มีไวยาวัจกร เนื่องจากทั้ง 4 หมู่บ้าน ตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้ใครมารับผิดชอบหน้าที่ จึงได้เชิญผู้ใหญ่บ้านมานับเงิน เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านคนนี้เป็นตัวตั้งตัวตีหาเงินเข้าวัด สร้างองค์พระเจ้าใหญ่จนแล้วเสร็จ เป็นกว่า 10 ล้านบาท จึงมีความไว้วางใจกัน วันที่นับเงินมีคนมานับ 13 คน เขายอมรับว่า 1 – 3 ที่ร้องเรียนก็อยู่ในนั้น ทางอำเภอได้สอบถามแล้วว่า มีใครมีพิรุธบ้าง ใครออกไปเข้าห้องน้ำบ่อย ใครมีหน้าที่ทำอะไร
รวมทั้งการสอบถามลูกศิษย์วัดที่พาเจ้าอาวาสไปฝากเงิน จากการสรุปร่วมกับสำนักพุทธฯ เมื่อเย็นวันที่ 2 ได้ข้อสรุปว่า มีการนับเงินผิดไป 1 ถุง ทุกฝ่ายก็เข้าใจตรงกัน เจ้าอาวาสเองก็อยากให้จบกันทุกฝ่าย ไม่อยากให้ทะเลาะกัน เบื้องต้นได้แจ้งชาวบ้านว่า ใครที่ยังไม่พอใจในการชี้แจง ก็ให้ลงชื่อไว้ ทางอำเภอจะได้เรียกเข้าไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก และได้แจ้งเจ้าอาวาสไว้ว่าให้แต่งตั้งไวยาวัจกรและคณะกรรมการวัดใหม่ จะได้ไม่เกิดเรื่องขึ้นอีก ให้ส่งรายชื่อให้อำเภอภายในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ซึ่งตอนนี้ได้รายชื่อมาแล้ว ส่วนมีผู้ร้องเพิ่มเติมก็เป็นสิทธิของเขา เราก็ต้องทำตามหน้าที่ไป