เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 8 มีนาคม 2566 พ.ต.ต.ปิลันธน์ ศรีสถาน สว.สส.สภ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ร.ต.อ.สมคิด ฤทธิมหา รอง สว.สส.สภ.โนนสะอาด นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนฯ ตามจับกุมตัว นายอนุชิต พิมพิบาล หรือโบ้ท อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 25 ม.3 บ.ทมนาข่า ต.ทมนางาม อ.โนนสะอาด พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ VIVO รุ่น V02 สีฟ้า ราคา 3990 บาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่ใช้ขี่มาก่อเหตุและเสื้อผ้าที่สวมใส่ ขณะก่อเหตุขโมยโทรศัพท์มือถือภายในร้านละมัยพร โฟนช็อป เลขที่ 21 ม.1 ต.โนนสะอาด อ.โนนสะอาด และทิ้งโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า ยี่ห้อไอโนโว สีทอง ราคาประมาณ 1,600 บาท ไว้ให้เจ้าของร้านดูต่างหน้า
โดยกล้องวงจรปิดในร้านสามารถบันทึกภาพและพฤติกรรม ขณะก่อเหตุไว้ได้อย่างชัดเจน นายโบ้ทสวมเสื้อลายชมพูขาว ด้านหลังสกรีนหมายเลข 69 เดินเข้ามาก่อเหตุ จดจ้องอยู่ที่เจ้าของร้าน และอาศัยจังหวะเจ้าของร้านเผลอ โดยไม่แคร์มาสนกล้องวงจรปิด และสายตาของลูกค้าที่มาใช้บริการในร้าน เอื้อมมือเปิดตู้โชว์ก่อนหยิบเอาโทรศัพท์มือถือเดินออกจากร้านไปติดเครื่องรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไปหน้าตาเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทิ้งมือถือเก่าของตัวเองไว้ให้เจ้าของร้านดูต่างหน้า เหตุเกิดเมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา
หลังตำรวจจับกุมคนร้ายได้พร้อมของกลาง นางสาวกัญญ์วราพร ซ้อนนอก และนายอภิวัฒน์ นาหา อายุ 37 ปี สามีภรรยาเจ้าของร้านชี้ตัวยืนยันให้ตำรวจจับกุม หลังนำโทรศัพท์มือถือเก่าของคนร้ายและคลิปภาพขณะคนร้ายก่อเหตุ เข้าแจ้งความร้องทุก์ต่อ ร.ต.อ.พิพัฒน์ วันภักดี รอง สว.สอบสวน สภ.โนนสะอาด เวลา 13.39 น. ของวันเดียวกัน เมื่อตำรวจชุดสืบสวนได้เห็นคลิปคนร้าย จึงรู้ว่าเป็นนายโบ้ท เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยถูกจับข้อหาเสพยาบ้าและลักทรัพย์คนในหมู่บ้านเดียวกันหลายครั้ง แต่ทุกครั้งผู้เสียหายไม่เอาเรื่อง กระทั่งมาก่อเหตุครั้งนี้ และถูกจับตัวได้พร้อมของกลางบนถนนรอบหมู่บ้านทมนาข่า ควบคุมตัวมาสอบสวน
พ.ต.ต.ปิลันธน์ ศรีสถาน สว.สส.ฯ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายโบ้ท ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุขโมยโทรศัพท์ภายในร้านผู้เสียหายจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นจังหวะและสบโอกาสมากกว่า เพราะตนอยากได้มือถือใหม่ เนื่องจากเครื่องเก่าใช้ไม่ดี และจำนำไม่ได้ราคา ทีแรกจะนำโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ลืมไว้ที่ร้านมาจำนำกับเจ้าของร้าน เมื่อเจ้าของร้านเผลอจึงลงมือก่อเหตุตามในคลิป ที่ตนทำไปเนื่องจากตกงาน และติดเสพยาบ้า เช้าวันนี้ก็เสพไปแล้ว 1 เม็ด ก่อนมาถูกตำรวจจับกุมตัว และเคยถูกตำรวจจับกุมตัวข้อหาเสพและลักทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง แต่เจ้าทุกข์สงสารไม่เอาเรื่องกับตน ครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมา ตนไปก่อเหตุลักนาฬิกาข้อมือของชาวบ้าน ซึ่งผู้เสียหายก็ไม่เอาเรื่องอีก เพราะเห็นว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ของแม่ตัวเองมาก่อเหตุครั้งนี้ ซึ่งร้านที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากบ้านของตนประมาณ 20 กิโลเมตร
ด้านนางสาวกัญญ์วราพร ซ้อนนอก เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุเป็นวันที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ตนและสามีได้แยกกันต้อนรับลุกค้าตามปกติ และคนร้ายได้ทำทีมาขอจำนำโทรศัพท์ และขอดูโทรศัพท์เครื่องที่ขโมยไป แต่ตนบอกให้รอสักพัก เพราะกำลังให้บริการกับลูกค้าที่มาก่อน และขณะที่ตนเดินไปหลังร้าน เพื่อหยิบเงินทอนให้ลูกค้า ส่วนสามีก็พูดคุยกับลูกค้าอีกราย คนร้ายจึงเอื้อมือไปหยิบเอากล่องมือถือเดินออกไปจากร้านขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ในขณะนั้นตนและสามียังไม่รู้ตัว ผ่านไปราว 10 นาที พบว่าโทรศัพท์ในตู้โชว์หายไป 1 เครื่อง จึงเปิดกล้องวงจรปิดดู จึงรู้ว่าถูกคนร้ายที่ทำทีมาเป็นลูกค้าขโมยเอาไป และทิ้งมือถือเก่าไว้ให้ดูต่างหน้า ก่อนพากันนำหลักฐานเข้ามาแจ้งความที่โรงพัก
”เห็นตำรวจบอกว่า คนร้ายรายนี้มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย เคยถูกจับพร้อมของกลางหลายครั้ง แต่ผู้เสียหายไม่เอาเรื่อง และไม่ยอมสำนึก ซึ่งตนและสามีจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะน้องเขาเป็นภัยต่อสังคม เพื่อให้เข็ดหลาบ และไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง และเพื่อเตือนภัยกับร้านค้าอื่นด้วย และขอขอบคุณตำรวจที่ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายและมือถือกลับคืนมา รู้สึกอุ่นใจที่ตำรวจคอยช่วยเหลือและดูแลพวกตนขณะทุกข์ใจเป็นอย่างดี”
ตำรวจจึงควบคุมตัวนายโบ้ท พร้อมของกลางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในร้านที่เกิดเหตุ โดยไม่ขอโทษเจ้าของร้านเลยสักคำ ก่อนควบคุมตัวมาที่โรงพัก พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่า” ลักทรัพย์ผู้อื่น โดยใช้ยานพาหนะ , เสพยาเสพติด (ยาบ้า) ให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย และขับเสพฯ” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป….