เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ห้องประชุมสบายดี ชั้น 4 อาคาร 2 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี เป็นประธานการประชุมกลั่นกรองการอนุญาตและแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับถนน จ.อุดรธานี โดยมีนายธีระภัทร์ ผิวสวัสธ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุดรธานี นำหัวหน้าส่วนผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมฯ โดยแขวงบำรุงทางอุดรธานี กองบำรุงทางเขตขอนแก่น การรถไฟแห่งประเทศไทยได้สำรวจและสรุปจุดลักผ่านในพื้นที่ จ.อุดรธานีไว้ 8 จุด ในพื้นที่ 4 อำเภอ (โนนสะอาด ,กุมภวาปี ,เมือง ,เพ็ญ)
ที่ประชุมได้รายงานข้อมูลว่า ในการประชุมศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จ.อุดรธานี ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมาได้กำหนดจัดตั้งอนุคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา เพื่อพิจารณาหารือกำหนดแนวทาง มาตรการป้องกัน บรรเทา แก้ไขปัญหา การเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดรถไฟกับถนน อุดรธานีมีจุดตัดทางรถไฟ (ทางพาดรถไฟ) 51 แห่ง เป็นจุดตัดที่ถูกต้องครบถ้วน มีเครื่องกั้น ป้ายสัญญาณเตือน 43 แห่ง
“ ที่เหลือเป็นจุดตัดทางรถไฟที่ถูกต้อง แต่ยังไม่มีเครื่องกั้น มีเพียงป้ายสัญญาณ และสัญญาไฟเตือน 1 แห่ง อีก 7 อยู่ในพื้นที่ อ.โนนสะอาด , อ.กุมภวาปี และ อ.เมือง โดยการรถไฟไม่มีแผนจะก่อสร้าง เครื่องกั้นบริเวณจุดตัดทางรถไฟ เพราะมีแผนการก่อสร้างรถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงอยู่แล้ว ซึ่งจุดตัดทางรถไฟที่เป็นทางลักผ่าน จะต้องสร้างจุดผ่านที่ถูกต้องตามหลักวิศกรอยู่แล้ว การก่อสร้างก็ไม่น่าเกิน 4- 5 ปี ”
นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า หลังจากแต่ละพื้นที่ออกไปสำรวจจุดตัดทางรถไฟ และนำเสนอในที่ประชุมมาแล้ว แต่ละอำเภอก็เห็นควรว่าเหมาะสม และทางการรถไฟเองก็มีแผนงานบรรจุไว้ในแผนงานการก่อสร้างรถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูงไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ของคณะอนุกรรมการเพื่อเป็นการบรรเทา และแก้ไขปัญหาลดอุบัติเหตุ ก็เห็นควรให้ท้องถิ่นจัดทำแผนงานป้องกันขึ้น ให้ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การติดตั้งป้ายเตือน ไฟส่องสว่าง ไฟวับวาบ หรือแผงกันโดยใช้บุคลากร
“ หากท้องถิ่นนั้น ๆ จะลงทุนก่อสร้างทางพาดรถไฟ มีแผงกั้นอัตโนมัติที่มีมูลค่าก่อสร้างสูงมากก็สามารถทำได้เอง ท้องถิ่นต้องเสนอแผนงานมา คณะอนุกรรมการชุดนี้ก็จะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานในสังกัด เพื่อพิจารณาต่อไป เราเห็นความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนมาก่อนทั้งหมด หากมีความเสี่ยงมากก็ต้องเร่งดำเนินการ ใกล้จะถึงเทศกาลสงกรานต์ เชื่อว่าพี่น้องเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านจำนวนมากและอาจจะไม่ชำนาญพื้นที่ ท้องถิ่นก็ต้องเร่งเสนอแผนป้องกันมาให้เร็วที่สุด ”