รมว.แรงงาน ส่ง ปลัดกระทรวง ทูตแรงงานในอิสราเอล คอนเฟอเรนจ์คุยญาติ 2 แรงงานไทย เจ็บเพราะระเบิด ตายเพราะหัวใจล้มเหลว ยืนยันไปแบบถูกกฎหมาย รับการช่วยเหลือเต็ม
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นายจักก์ สมุทรกลิน นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สนง จัดหางาน จ อุดรธานี พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางไปที่ บ้านเลขที่ 107 ม.10 บ.หนองแวง ต.ไชยวาน อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี พบกับนางบัวลอย มหาโครต อายุ 68 ปี เพื่อให้กำลังใจและแจ้งให้ทราบว่า นายไชยา มหาโคตร อายุ 39 ปี บุตรชาย ที่เดินทางไปทำงานในฟาร์มเกษตร เมืองโอฮาด ตอนใต้ของประเทศอิสราเอล ถูกลูกหลงจากการโจมตีฉนวนกาซา ได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะนี้มีอาการปลอดภัยดี
พร้อมได้รับตัวนางบัวลอยฯ เดินทางมายัง สนง.แรงงาน จ.อุดรธานี ศาลากลาง จ.อุดรธานี มาสมทบกับนางเก่ง คงช่วย อายุ 56 ปี และ น.ส.บังอร ตะโนนทอง อายุ 37 ปี ชาวบ้าน ม.8 ต อ้อมกอ อ.บ้านดุง แม่และภรรยา นายพายัพย์ คงช่วย อายุ 36 ปี แรงงานชาวอุดรธานี ที่เสียชีวิตด้วยอาการปอดบวม และหัวใจล้มเหลว ขณะไปทำงานภาคเกษตร อยู่ในประเทศอิสราเอล เพื่อวีดีโอ.คอนเฟอร์เรนท์ กับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน แต่ติดประชุม ครม. มอบให้นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมฑูตไทยประจำอิสราเอล และหน่วยงานเกี่ยวข้องมาแทน
นายจรินทร์ฯ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับบาดเจ็บในการโจมตี 2 ฝ่าย โดยแรงงานจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ เพราะเป็นการไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ที่จะมีเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ที่ดูแลค่ารักษาพยาบาล มีนายจ้างที่ดูแล โดยเฉพาะรัฐบาลอิสราเอล ที่ต้องเข้ามาดูแลด้วย ซึ่งอาการบาดเจ็บที่สะโพกที่ถูกสะเก็ดระเบิดเฉี่ยว แผลไม่ลึกมาก อาการปลอดภัย พรุ่งนี้แพทย์จะทำการเย็บตกแต่งบาดแผลอีกครั้ง จะสามารถออกจากโรงพยาบาลใน 2-3 วัน โดยรับจะดูแลให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า มีการบังคับของนายจ้างให้ทำงานในเขตไม่ปลอดภัยหรือไม่ ปลัดกระทรวงแรงงาน ยืนยันว่า เป็นการทำงานในพื้นที่เกษตรกรรมปกติ ที่ห่างจากเขตสู้รบ ทราบว่าตอนนี้มีการเจรจาหยุดยิงไปแล้ว และคนงานยืนยันจะทำงานที่เดิมต่อหลังหายจากบาดเจ็บ
นายจรินทร์ฯ กล่าวถึงครอบครัวของแรงงานที่เสียชีวิตว่า จะประสานดูแลให้ดีที่สุด โดยจะให้ฑูตแรงงานดูแลสิทธิประโยชน์จากทางนายจ้าง เรื่องการส่งศพกลับทำตามประเพณีที่บ้าน ซึ่งจะดูแลทุกเรื่องจนถึงรับศพกลับบ้าน ขอแจ้งให้แรงงานไปทำงานต่างประเทศ ให้ไปทำงานอย่างถูกต้อง เพราะจะได้รับการดูแลสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งจากทางไทย และจากนายจ้าง เพราะหากไปผิดกฎหมาย จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์อะไรเลย
นางบัวลอย มหาโคตร อายุ 68 ปี แม่ของนายไชยาฯ เปิดเผยว่า รู้ข่าวลูกชายช่วงเช้าวันที่ 6 พฤษภาคม โดยพี่สาวของนายไชยาฯ นำภาพจากเฟสบุ๊คมาให้ดู แต่ไม่กล้าดูเพราะตกใจกลัว ว่าลูกจะเป็นอะไรมาก ได้แต่ถามว่าเจ็บมากไหม ขาขาดแขนขาดไหม หลังจากนำตัวส่งโรงพยาบาล อาการของลูกปลอดภัยก็ดีใจ แม้จะมีเพื่อนและนายจ้างไปดูแล แต่ก็ยังเป็นห่วงลูกชายอยู่ โดยที่ผ่านมาลูกชายไปทำงานมาแล้ว 4 ประเทศ ตั้งแต่อายุยังน้อย คือ สิงค์โปร , ไต้หวัน , เกาหลีใต้ และล่าสุดที่อิสราเอล
“ พอรู้ว่าอาการลูกปลอดภัยแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ ได้แต่ภาวนาให้เขาหายดี สุขภาพรางกายแข็งแรงเหมือนเดิม คิดว่าจะทำบุญให้เขา เมื่อเขากลับมาก็จะให้บวช เพราะทุกวันนี้ยังไม่ได้บวชให้แม่เลย ส่วนสัญญาที่ทำงานเหลืออีกปีเศษ หากเขากลับมาแล้ว ถ้าอยากไปทำงานเมืองนอกอีก ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ตอนนี้แม่รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ก็ยังคงเป็นห่วงอยู่ ถึงเขาจะไม่เป็นอะไร เราที่เป็นแม่ก็ยังคงห่วงลูกอยู่ ฝากเพื่อนๆดูแลลูกชายด้วย ขอบคุณที่ช่วยดูแลลูกชาย และฝากให้ทางการดูแลอีก ดีใจที่ทางการออกมาดูแลถึงที่บ้าน ”
นายจักก์ สมุทรกลิน นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สนง จัดหางาน จ อุดรธานี เปิดเผยว่า มีแรงงานไทยในอิสราเอล 27,077 คน ของอุดรธานีมากที่สุดเกือบ 3,000 คน ครั้งนี้มีผู้ประสบเหตุ 2 คน คือ ป่วยเสียชีวิต และถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บ ทั้งสองไปถูกต้องามกฎหมาย ผู้เสียชีวิตจะได้รับการช่วยเหลือ ทั้งจากทางหน่วยงานไทย และนายจ้างอิสราเอลตามสิทธิที่มี เบื้องต้นครอบครัวผู้ตายจะได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนฯ 40,000 บาท
“ ส่วนนายไชยาฯ ถูกสะเก็ดระเบิดขณะทำงานที่ไร่ ฑูตแรงงานฯได้ไปเยี่ยมดูแล โดยเราก็มีเงินจากกองทุนฯ ดุแลรักษาพยาบาลจนสิ้นสุดการรักษา ส่วนทางอิสราเอลน่าจะมีกฎหมายแรงงานคุ้มครองที่ประสบเหตุขณะทำงาน ทางฑูตแรงงานจะติดตามเรื่องนี้ ส่วนเหตุสู้รบขณะนี้ ทางทูตไทยและ สนง.แรงงานไทยที่อิสราเอล ได้เตรียมทั้งแผนอพยพ แผนการช่วยเหลือ และแผนการติดต่อคนงานไทย โดยทำประกาศแจกให้แรงงานไทยแล้ว ”