ชาวบ้านร้องเรียน ผญบ.ตั้งโรงผลิต “บั้งไฟ” กลางหมู่บ้าน เสียงดังรบกวน-ผวาระเบิดเหมือนในข่าว ร้องเรียนหน่วยงานแต่เงียบ ขณะ ผญบ. พานักข่าวทัวร์โรงงาน ยอมรับทำเป็นอาชีพมานาน ช่วงงานประเพณีปีละ 2 เดือน
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคา 2567 นางเอ นามสมมติ อายุ 35 ปี นายบี นามสมมติ อายุ 63 ปี ชาวบ้านหนองปลาซิว หมู่ 9 ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี กับพวกรวม 4 คน เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการทำบั้งไฟ ของนางสาวรัศมี สมหนองอ้อ ผู้ใหญ่บ้านหนองปลาซิว เพราะทำบั้งไฟอยู่ในบ้านพัก ซึ่งเป็นที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน และอยู่กลางหมู่บ้าน ทำให้เกิดเสียงดังของเครื่องมือในยามค่ำคืน และเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขณะทำบั้งไฟ เหมือนกับโรงงานผลิตพลุ เพราะช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าว พวกตนเกรงว่าจะได้รับอันตราย อยากให้ย้ายที่ผลิตบั้งไฟ จึงมาร้องสื่อมวลชน
นางเอ เล่าว่า ผู้ใหญ่บ้านหนองปลาซิว มีสามีเป็นช่างทำบั้งไฟ และจะทำบั้งไฟขายตลอดทั้งปี และจะมาเร่งทำในช่วงพฤษภาคม เพราะจะเป็นงานบุญบั้งไฟ หมู่บ้านต่างๆ ก็จะสั่งซื้อเข้ามา ผู้ใหญ่บ้านก็จะเร่งผลิต โดยจะมีเครื่องจักรอัดดินประสิว ซึ่งจะมีเสียงดัง ทั้งกลางวันและกลางคืน ช่วงเวลากลางวันตนจะไม่ว่า แต่จะทำบั้งไฟจนถึงเที่ยงคืน เครื่องอัดบั้งไฟทำให้เสียงดัง จึงใช้โทรศัพท์อัดเสียงเอาไว้ ตนเกรงว่าช่วงอากาศร้อน 40-44 องศา จะทำให้เกิดระเบิด เหมือนโรงงานพลุ เป็นอันตรายต่อชาวบ้าน จึงอยากให้ย้ายไปทำบั้งไฟที่กลางทุ่งนา
“ เคยมีปลัดอำเภอเดินทางมาตรวจ แต่วันนั้นผู้ใหญ่บ้านไม่อยู่บ้านและปิดบ้านไว้ ปลัดอำเภอจึงได้ไปส่องดู และพบเครื่องอัดดินประสิวบั้งไฟ จึงบอกให้กำนันตักเตือนให้ระมัดระวัง แล้วเรื่องก็เงียบ ชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องเสียงดังทั้งกลางวันและกลางคืน และกังวลเกรงบั้งไฟจะระเบิด จึงได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมบ้านผือ และตัดสินใจมาร้องเรียนสื่อมวลชน ไปตรวจสอบให้ด้วย ”
นายบี กล่าวว่า ห่วงความปลอดภัยของชาวบ้าน เพราะทำอยู่ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน อยากให้ย้ายออกไปทำกลางทุ่งนา ห่างจากหมู่บ้าน 400-500 เมตร ยิ่งช่วงอากาศร้อน 40-44 องศา แดดร้อนจัดเกรงว่าจะระเบิดเหมือนโรงงานพลุ จะทำให้เกิดความเสียหายหลายหลัง ตนมองว่าเป็นการทำเป็นธุรกิจ อยากทราบว่ามีการยื่นขออนุญาตหรือไม่ มีการเสียภาษีหรือไม่ ถ้าทำตามประเพณีจุดบั้งไฟบูชาบั้งละ 3-4 พันจุดหมู่บ้านละ 10 บั้ง เป็นไปตามประเพณีก็จะไม่ว่ากัน แต่มีการมาสั่งบั้งไฟหมื่นเพื่อไปจุดแก้บน ตนมองว่าเป็นการนำเอาประเพณีมาบังหน้า มีการแข่งขันแล้วมีการพนันตามมา
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหนองปลาซิว เลขที่ 117 หมู่ 9 บ้านหนองปลาซิว ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พบกับนางสาวรัศมี สมหนองอ้อ อายุ 35 ปี ผู้ใหญ่บ้านหนองปลาซิว ซึ่งตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ด้านหลังติดหนองน้ำ ด้านซ้ายติดหนองน้ำ ด้านขวาติดทุ่งนา ก่อนนำผู้สื่อข่าวดูบ้านซึ่งเป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเปิดโล่ง ช่างกำลังผลิตบั้งไฟ โดยมีท่อพีวีซีหลายขนาด ทำเป็นตัวบั้งไฟ และลำไม้ไผ่ทำเป็นหางบั้งไฟ มีช่างกำลังผสมดินประสิว ถ่านไม้ กำมะถัน ให้เป็นดินขับ (ภาษาอีสานเรียกขี้หมื่อ) ส่วนสามีผู้ใหญ่บ้านเป็นช่างดินขับ ใส่ลงไปในท่อ พีวีซี. ตามขนาดที่ลูกค้าสั่ง โดยใช้เครื่องอัดไฮดรอลิกในการอัด ทำให้เกิดเสียงดัง
นางสาวรัศมี ผู้ใหญ่บ้านหนองปลาซิว เล่าว่า เราเป็นช่างทำบั้งไฟมา 17-18 ปีแล้ว ก่อนจะมารับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ตลอดเวลาระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นวัตถุที่ไวไฟ จะรับทำในช่วงเดือนหกซึ่งเป็นเทศกาลบุญบั้งไฟเท่านั้น คือเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน รับทำตามออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่ง ทำปริมาณไม่มาก ส่วนมากแล้วจะเป็นบั้งไฟจุดบูชา ซึ่งมีขนาดเล็กท่อพีวีซีขนาด 1 นิ้ว 2 นิ้ว และ 3 นิ้ว จำนวน 150 บั้งเท่านั้น ส่วนบั้งไฟหมื่นซึ่งเป็นบั้งไฟจุดแก้บน จะผลิตเล็กน้อย เมื่อผลิตเสร็จแล้วจะประดับหาง เสร็จแล้วจะรีบนำไปส่งลูกค้า ไม่เก็บบั้งไฟไว้ในบ้านจำนวนมาก
“ ในหนึ่งปีจะทำบั้งไฟแค่ 2 เดือน คือเมษายนและพฤษภาคม เมื่อรับออร์เดอร์จากลูกค้ามา ก็จะเร่งผลิตตั้งแต่เช้าจนถึง 21.00 น. เพราะเราเกรงใจชาวบ้าน อีกทั้งตนอยู่ใกล้ปู่ตา สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้านก็ยิ่งไม่ควรทำเสียงดัง สามารถเข้ามาดูได้เลย และเหตุผลที่ไม่ย้ายไปผลิตกลางทุ่งนา ก็เพราะบ้านตนตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านแล้ว และมีดินขับอยู่ในบ้านไม่เกินกฎหมายกำหนด ”
เบื้องต้นนางสาวรัศมี ผู้ใหญ่บ้านหนองปลาซิว ยอมรับว่าไม่ได้มีการขออนุญาตผลิตและจำหน่ายต่อทางอำเภอ อ้างจะไปขอเขาก็ไม่ออกให้ ที่นี่ผลิตตามที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว