วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Google search engine
หน้าแรกอาชญากรรมจับแล้ว “ไอ้โอ๊ต” หลานทรพีตีตาฟังร่วงบังคับยายผูกคอตายเอาเงินฌาปนากิจไปเสพยา

จับแล้ว “ไอ้โอ๊ต” หลานทรพีตีตาฟังร่วงบังคับยายผูกคอตายเอาเงินฌาปนากิจไปเสพยา

จากเหตุการณ์หลานชายเมายาบ้าคลั่งทำร้ายตาจนฟันร่วง เพื่อขอเงินไปซื้อยาเสพติด แถมยังบังคับยายพิการขาขาดให้ผูกคอตาย หวังเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ จนต้องหนีตายหัวซุกหัวซุนไปคนละทาง ยายต้องมาหลบอาศัยบ้านน้องสาว นอนในห้องน้ำ มุดอยู่ในตู้เก็บของ เกรงว่าหลานชายจะตามทำร้ายอีก ล่าสุดตำรวจและฝ่ายปกครอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ตามไปตะครุบตัวได้ที่กระท่อมนา ขณะกำลังนั่งเสพยาบ้า ตาและยายขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้ามาช่วยเหลือ ก่อนจะถูกหลานฆ่าตาย แต่ยังหวังว่าหลานจะกลับตัวเป็นคนดีได้

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 เมษายน 2565 นายสามารถ​ หมั่นนอก​ นายอำเภอบ้านดุง​ ได้สั่งการให้นายจักรพันธ์​ เ​ชื้อพุทธ​ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง​ สมาชิก​ อส.อ.บ้านดุง​ ที่​ 5 ร่วมกับ​ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดุง​ เข้าจับกุมตัวนายประกาศิต​ ภูพันนา​ อายุ​ 23​ ปี​ หรือโอ๊ต อยู่บ้านเลขที่​ 206 ม.3 ต.บ้านชัย​ อ.บ้านดุง​ จ.อุดรธานี​ ที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน บ้านกล้วย ม.3 ต.บ้านชัย​ อ.บ้านดุง หลังได้รับแจ้งว่า เสพยาเสพติด จนมีอาการคลุ้มคลั่ง ทำร้ายนายมีชัย ภูพันนา หรือตาชัย อายุ 58 ปี ผู้เป็นตา และนางสงสาร ดอกบัว อายุ 58 ปี หรือยายแหลม ผู้เป็นยายที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและพิการขาซ้ายขาด จนบาดเจ็บ

จังหวะที่เจ้าหน้าที่เข้าไปถึงกระท่อมนา นายโอ๊ตได้นั่งเสพยาบ้าอย่างสบายใจ พอเห็นรถยนต์เจ้าหน้าที่ขับเข้ามา ได้วิ่งหลบหนีไปทางหลังกระท่อม เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งไล่ตระครุบตัวอย่างชุลมุน โดยมีของกลางเป็นอุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวนหนึ่งอยู่ในกระท่อมนา ก่อนนำตัวส่งไปคัดกรองประเมินอาการทางจิต​ที่​ รพ.สมเด็จพยุพราชบ้านดุง เบื้องต้น​นายโอ๊ตยังให้การรู้เรื่องแต่อยู่ในอาการเครียด โดยรับสารภาพว่าเสพยาบ้าและทำร้ายร่างกายผู้เป็นตาและยายจริง หากประเมินแล้วว่ามีอาการทางจิตจะต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.จิตเวช จ.เลย หากประเมินสุขภาพจิตผ่าน จะนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 56 บ้านกล้วย ม.3 ต.บ้านชัย อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ไปพบกับนางสมภาร แสนเมือง อายุ 56 ปี เจ้าของบ้าน และเป็นน้องสาวของยายแหลม ซึ่งนายมีชัยฯ หรือตาชัย ยังหลบพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ ส่วนนางสงสารฯ หรือยายแหลม นายนายวีระพล รักษ์เสมอวงษ์ รองประธานสภา เทศบาลเมืองบ้านดุง ได้นำตัวไปหลบพักอยู่ในรีสอร์ตตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เนื่องจากตอนนั้นนายโอ๊ตหลานชายยังไม่ถูกจับ เกรงว่าจะได้รับอันตรายอีก ก่อนที่นางสมภาร ฯ จะนำผู้สื่อข่าวชี้จุดที่ ยายแหลมมาขอนอนหลบหลานคลั่งคนนี้ สภาพเป็นห้องน้ำข้างบ้าน และมีตู้เก็บของบิ้วอินอยู่ด้านข้าง ที่ใช้เป็นที่หลบยามที่ได้ยินเสียงหลานตะโกนตามหา

นางสมภารฯ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ยายแหลมเป็นพี่สาวของตัวเอง พ่อและแม่ได้รับมาเลี้ยงก่อนตนจะเกิด เนื่องจากตอนนั้นพ่อและแม่ยังไม่มีลูก และพ่อแม่ของยายแหลมเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็ก พ่อและแม่ได้แบ่งที่บ้านและที่นาให้กับพวกตนหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ไปทำงานโรงงานที่กรุงเทพ ช่วงโควิดระบาดจึงกลับมาอยู่บ้านได้สามปีแล้ว บ้านหลังนี้ให้ยายเฒ่าที่เป็นแม่ของพวกตนอยู่กับหลานชาย 2 คน ช่วงกลางวันถึงจะมาเปิดเป็นร้านขายน้ำหวานและร้านส้มตำเท่านั้น ตนและยายแหลมแยกไปอยู่ที่กระท่อมนา ซึ่งแยกกันอยู่คนละหลัง แต่อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน จะได้ยินเสียงนายโอ๊ตตะโกนโวยวายและทำร้ายตายายอยู่เป็นประจำ ตนได้แต่ร้องตะโกนห้ามปรามเพื่อไม่ให้ตายายถูกทำร้าย แต่นายโอ๊ตก็ไม่ค่อยเชื่อฟัง ตะโกนด่ากลับว่าอย่ามายุ่ง ญาติพี่น้องเราพยายามหาทางช่วยเหลืออยู่ตลอด จนตัดสินแจ้งต่อสื่อมวลชนให้เข้ามาช่วยเหลือ

“ ที่ผ่านมาตำรวจเคยจับตัวไปแล้ว ไม่นานก็ถูกปล่อยตัวกลับมา และอาละวาดทำร้ายตายายอีก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานายโอ๊ตเริ่มมีอาการหนักขึ้น เมื่อขอเงินตาและยายไม่ได้ก็จะทำร้ายทั้งสอง ตนจึงพายายแหลมมาหลบที่บ้านหลังนี้ ตนบอกให้ยายแหลมไปนอนพักในบ้าน แต่ยายแหลมไม่ยอมเข้าไป บอกขอนอนในห้องน้ำข้างบ้าน เนื่องจากไม่อยากเป็นภาระใคร เพราะเดินเหินไม่สะดวก และเมื่อไหร่ที่นายโอ๊ตหลานคลั่งมาตะโกนเรียกหายาย ยายแหลมจะรีบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ใต้ที่เก็บของทันที กลัวว่าหลานจะรู้ว่ามาหลบอยู่ที่นี่ สงสารยายแหลมพี่สาวเป็นอย่างมาก พิการขาขาดยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือด้วย “

ด้านตาชัย เปิดเผยว่า ตนเองมีลูกทั้งหมด 4 คน นายโอ๊ตเป็นลูกของลูกสาวคนโต พ่อของนายโอ๊ตก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร และไปมีครอบครัวใหม่มีลูกกับสามีใหม่อีก 2 คน ก่อนที่แม่นายโอ๊ตจะเสียชีวิตไปตั้งแต่นายโอ๊ตยังเด็ก ตนจึงเลี้ยงนายโอ๊ตไว้ และให้น้องของนายโอ๊ตไปอยู่กับพ่อ ตั้งแต่เด็กนายโอ๊ตเป็นคนเกเร ไม่ชอบเรียนหนังสือ ติดดมกาวตั้งแต่ชั้นประถม ตอน ป.6 เคยถือมีดไปข่มขู่ครูที่โรงเรียนเพื่อขอเงินไปซื้อกาวมาดม จนถูกตำรวจจับส่งตัวสถานพินิจนาน 4 เดือน หลังจากนั้นก็ ไม่ได้เรียนต่อ ออกมาทำงานก่อสร้าง ตามจังหวัดต่างๆ ไปครั้งละ 2 – 3 อาทิตย์ ก็จะกลับมาครั้งหนึ่ง จนมาถูกจับอีกครั้งเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน ฐานบุกรุกบ้านคนอื่น ถูกจำคุกอีก 8 เดือน และล่าสุดถูกจำคุก 1 ปี 3 เดือน ฐานบุกรุกบ้านคนอื่น และเข้าไปข่มขู่ขอเงิน สรุปแล้วติดสถานพินิจ 1 ครั้ง ติดคุก 2 ครั้ง

“ กระทั่งเมื่อปลายเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา นายโอ๊ตออกมาจากเรือนจำ และกลับมาอยู่ที่กระท่อมนากับตาและยาย ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง จะขอเงินตาและยายเพื่อไปซื้อยาเสพติดและเหล้าเป็นประจำ นายโอ๊ตเสพยาบ้า เสพกัญชา และดื่มเหล้า เมื่อขอเงินไม่ได้ก็จะข่มขู่ทำร้ายร่างกายตาและยายเป็นประจำ ล่าสุดถูกหลานทำร้ายจนฟันหน้าหักไป 1 ซี่ ฟันโยกไปอีกหลายซี่ เวลาตนไปทำงานรับจ้างที่ไหน ก็จะตามไปขอเงิน ต่อหน้าคนจะไม่ทำร้าย หากอยู่ด้วยกันตามลำพังจะลงมือทันที ตนเองต้องออกมารับจ้างหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว ห่วงยายก็ห่วง ว่าจะถูกหลานทำร้ายหนักกว่านี้จนถึงชีวิต ทั้งที่ยายก็ป่วยเป็นเบาหวาน และพิการขาขาดก็ไม่เว้น เสียใจมากที่หลานมีพฤติกรรมอย่างนี้ ยังรักหลานอยู่ แต่อยากให้ตำรวจนำตัวไปบำบัดและจับไปดำเนินคดีเผื่อจะกลับตัวเป็นคนดีได้บ้าง ”

ช่วงบ่ายผู้สื่อเดินทางไปที่กระท่อมนาของตาชัยและยายแหลมฯ หลังจากทราบว่ายายแหลมฯ ได้ถูกนำตัวกลับมาจากรีสอร์ทแล้ว โดยกระท่อมดั่งกล่าวเป็นกระท่อมไม้ นำปลีกไม้มาเป็นฝาบ้าน มุงด้วยหลังคากระเบื้อง แข็งแรงพออยู่บังแดดบังฝนได้เท่านั้น ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีสิ่งของอำนวยความสะดวก มีเพียงเครื่องนอน เสื้อผ้า และเครื่องครัวเพียงเล็กน้อย ซึ่งห่างจากกระท่อมนาของนางสมภารฯ น้องสาว ประมาณ 300 เมตร

ยายแหลมฯ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน หลานชายขอเงินไปซื้อเหล้ากินในหมู่บ้าน ตนจึงให้ไป 20 บาท หลังกลับมาแล้ว หลานชายบอกว่า อยากจะหมดเวรหมดกรรมกับยาย ขอให้ยายใช้เชือกไนล่อนผูกคอตายกับขื่อกระท่อมนา จะได้นำเงินฌาปนกิจสงเคราะห์มาใช้จ่าย โดยหลานได้ใช้มีดจี้บังคับ ด้วยความกลัวตนจึงยอมทำตาม แม้จะยกมือไหว้อ้อนวอนหลานว่ายังไม่อยากตาย ให้สงสารยายด้วย จังหวะนั้นโชคดีว่าหลานยังลังเล กลัวญาติที่เป็นทหารจะมาที่บ้าน ร่างยายจึงตกลงมา ก่อนที่หลานจะเปลี่ยนเรื่องพูดไปเรื่องอื่น จึงรอดตายมาอย่างหวุดหวิด แต่ก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร กลัวญาติคนอื่นจะเดือดร้อนไปด้วย จนกระทั่งไปบอกน้องสาวว่าให้พาไปหลบที่บ้านในหมู่บ้านด้วย เพราะยังกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขนาดได้ยินเสียงก็ผวา ต้องเข้าไปหลบนอนในห้องน้ำและตู้เก็บของ

“ และที่ยายต้องตัดขาข้างซ้ายออกก็เพราะว่าป่วยเป็นโรคเบาหวาน เป็นแผลแล้วหายยาก หลายปีก่อนหลานมาขอเงินแต่ไม่ได้ หลานจึงขว้างขวดใส่ จนเป็นแผล หลานขู่ว่าไม่ต้องไปบอกใคร กลัวจะมีความผิด เป็นแผลนานกว่า 1 สัปดาห์ จนแผลติดชื้อ และต้องตัดขาข้างซ้ายในที่สุด หลานยังข่มขู่ขอเงินทุกวันมาตลอด เมื่อไม่ได้ตามที่ขอก็จะร้าย ยายไม่มีก็ไปหาตา ตาทำงานที่ไหนก็ตามไปขอ ทำร้ายตา ขู่ตาว่าถ้าไม่หามาให้จะทำร้ายยายจนตาย ตาก็ต้องหาเงินมาให้หลาน ตอนนี้รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาแล้ว เมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไป อยากให้หลานบำบัดให้หาย อยากให้หลานชดใช้ความผิดที่กระทำ หากกลับตัวเป็นคนดีแล้ว ยายก็จะได้สบายมากกว่านี้ ยายจะได้อายุยืนมากกว่านี้ “

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments