บุญข้าวประดับดิน อุทิศสวนกุศลให้ผู้ล่วงลับ ดวงวิญญาณไร้ญาติ แม้แต่สัมภเวสี ยังคงสืบสานที่ “ชุมชนหนองบัว”
ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2564 ที่ศาลาการเปรียญ วัดอาจสุรวิหาร หรือวัดหนองบัวกลอง ต.หมากแข้ง อ.เมือง อุดรธานี “ชาวชุมชนหนองบัว” เทศบาลนครอุดรานี ยังคงร่วมกันอนุรักษ์ สืบสานประเพณีอีสาน “ฮีต 12 ครอง 14” มีพุทธศาสนิกชนนำอาหารคาวหวาน ผลไม้ น้ำดื่ม และดอกไม้ มาทำบุญตักบาตรใน “บุญข้าวประดับดิน” ซึ่งตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 9 หรือบุญเดือนเก้า ถึงแม้ปีนี้จะมีผู้คนลดลงไปกว่าครึ่งก็ตาม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับ รวมทั้งสัตว์นรกหรือเปรต
ถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 อย่างเคร่งครัด ทั้งพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน
หลังจากเสร็จพิธีชาวบ้านจะนำข้าวปลา อาหาร คาวหวาน ผลไม้ หมาก พลู บุหรี่ มาห่อด้วยใบตอง และทำเป็นห่อเล็ก ๆ ก่อนจะนำไปวางตามโคนต้นไม้ใหญ่ภายในวัด หรือตามพื้นดินบริเวณรอบ ๆ เจดีย์ หรือโบสถ์ ซึ่งบุญข้าวประดับดิน ยังถือว่าเป็นการให้ทานแก่ผู้ยากไร้ รวมทั้งสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ ที่ต้องหิวอดมื้อกินมื้อ มาตลอดทั้งปีอีกด้วย เพราะการที่ตั้งอาหารไว้ที่พื้น ทำให้สัตว์เหล่านั้นสามารถเข้ามากินอาหารได้อย่างเต็มที่ และในอดีตพุทธกาลเขียนไว้ความว่า
“ ครั้งที่มหาโมคคัลลานะแทรกแผ่นดินลงไปเยือนนรก ซึ่งเขากำลังเสวยกรรมอยู่ในแดนต่างๆ พอท่านไปถึงก็บันดานให้ไฟนรกดับ สัตว์นรกก็ไม่ได้เสวยกรรม พอท่านจะกลับมายังโลกมนุษย์พวกสัตว์นรกได้สั่งท่านให้มาบอกญาติพี่น้องทางโลกได้ทราบ และทำทานอุทิศส่วนกุศลไปให้บ้าง เมื่อพระโมคคัลลาน์กลับมาถึงชมพูทวีป ก็ประกาศข่าวนี้ให้ประชาชนทราบ ซึ่งวันนั้นตรงกับวันดับเดือนเก้า (วันแรม 14 ค่ำ) จึงเป็นประเพณีในการทำบุญที่ สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ”
ขณะบริเวณถนน รอบสวนสาธารณะวังมัจฉาหนองบัว มีชาวบ้านชุมชนหนองบัว 1และ 2 มีพุทธศาสนิกชน ทั้งผู้สูงอายุ วัยหนุ่มสาว จำนวนมาก มานั่งรอตักบาตร ทำบุญกับพระภิกษุสงฆ์ ที่ออกเดินบิณฑบาต ตั้งแต่เช้ามืดในวัน “บุญข้าวประดับดิน” หรือประเพณีบุญเดือนเก้าของชาวอีสาน ไม่ไปรวมตัวตักบาตรภายในวัด ต่างสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ตามมาตรการสู้ภัยโควิด-19
“บุญข้าวประดับดิน” เป็นหนึ่งในวิถีชีวิตชาวอีสาน ที่จะช่วยสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ ให้เราชาวอุดรธานี ชาวอีสาน ชาวไทย ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปพร้อมกัน
