วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
Google search engine
หน้าแรกสังคมจำคุก12ปี อดีต ส.อบต.อนาจารเด็กออทิสติก

จำคุก12ปี อดีต ส.อบต.อนาจารเด็กออทิสติก

ผู้สื่อข่าวรายงาจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 ที่ศาลจังหวัดอุดรธานี สองสามีภรรยา อายุ 49 ปี ชาวตำบลสร้อยพร้าว อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เดินทางด้วยรถสามล้อพ่วงข้างจากบ้าน ระยะทางมากกว่า 50 กม. มาฟังคำพิพากษาศาลจังหวัดอุดรธานี คดี ด.ญ.เอ นามสมมุติ ลูกสาวที่ป่วยเป็นออทิสติก ถูกนายเคน ศรีสร้อยพร้าว อายุ 56 ปี อดีตสมาชิก อบต.สร้อยพร้าว ที่มีบ้านและที่นาอยู่ตรงข้ามกัน หลอกลูกสาวไปทำอนาจารหลายครั้ง ช่วงปลายปี 2562 แจ้งความไว้ที่ สภ.หนองหาน เมื่อ 5 ม.ค.2563

ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พ่อของเหยื่อ เปิดเผยว่า ศาลตัดสินจำคุกนายเคน ศรีสร้อยพร้าว 12 ปี ไม่รอลงอาญา และชดใช้ค่าเสียหาย 200,000 บาท หลังจากฟังศาลตัดสินแล้วรู้สึกพอใจ แต่ยังทำใจไม่ได้ เพราะทุกวันนี้เวลาเห็นข่าวแบบนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจมาก ซึ่งทางผู้ต้องหาก็ท้าให้ไปหาพยานหลักฐานมาเพิ่มเติม หามาได้ก็จะยอมรับผิดติดคุกกี่ปีก็ยอมติดคุก แต่ตนก็ไม่รู้ว่าพยานหลักฐานนั้นอยู่ตรงไหน ตนจึงได้โทรศัพท์ไปปรึกษาทนายเดชา และทนายเดชาบอกว่าไม่ต้องกลัว เพราะพยานหลักฐานนั้นอยู่ที่ตัวเด็กให้เข้าไปแจ้งความได้เลย

แม่เหยื่อ เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจที่ศาลตัดสินจำคุก แต่ก็ยังเสียใจเพราะเรื่องทุกเรื่องยังอยู่ในใจลูกอยู่ เวลาที่ถามลูกสาวยังบอกว่าจำฝังใจ แม้จะชดใช้ค่าเสียหายมาให้ ก็ยังไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งแม่จะสอนน้องตลอด ว่าการป้องกันตัวในการที่มีคนมาจับเนื้อต้องตัวต้องทำยังไง ถ้าเกิดมีคนมาจับตรงไหน ก็ให้มาบอกแม่ โดยวันที่เกิดเหตุ ขณะนั่งเล่นด้วยกันอยู่ น้องก็พูดขึ้นมา ว่าถูกกระทำอย่างไรบ้าง ทำให้ตกใจมาก ตอนนี้พวกตนอยู่ก็ยังหวาดระแวงอยู่ เพราะบ้านและที่นาอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน

“ จากนี้ถ้าเขาจะต่อสู้คดีก็สู้ไปเลย ถ้าเขาคิดว่ามีพยานหลักฐานอะไรมาหักล้าง ไม่เคยกลัวอยู่แล้ว เพราะในศาลชั้นต้น ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาหักล้างในคดี ก็คงทำมาหากินตามปกติเหมือนเดิม พยายามหลบเลี่ยงเวลาพบคู่กรณี เพราะรู้อยู่ว่าเขาเป็นคนมีเพื่อนเยอะ พวกเราเป็นชาวนาชาวไร่ไม่มีอะไรไปสู้ อยากฝากเตือนผู้ปกครองทุกคน ที่มีลูกหลานให้ระมัดระวังคนที่อยู่ใกล้ชิด ยังไม่คิดเลยว่าที่นาอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ยังจะมาทำกับลูกสาวของเราแบบนี้ ถ้าเกิดมาขู่ว่าจะฟ้องกลับก็อย่าไปกลัวให้สู้ไปเลย เพราะพยานหลักฐานอยู่ที่ตัวเด็ก ถ้าเด็กพูดได้ตอบได้เล่าความจริงได้นั้นจบเลย และอย่าไปเชื่อใจไว้ใจใคร เพราะอาจจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ ”

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments