“นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี” ไม่ได้หยุดชะงักหรือชะลอ จากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 แต่ยังคงเดินหน้าสร้างสิ่งสาธารณูปโภค ในพื้นที่เฟสแรก 1,325 ไร่ เพื่อให้ทันกับขบวนรถไฟ เที่ยวแรกจากจีนจะมาถึง นครเวียงจันทน์ สปปล.ปลายปี 2564 หรืออีก 10 เดือนข้างหน้า
นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี ในการจัดการของ บ.เมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี จก. ที่ภาครัฐ และเอกชน ให้การสนับสนุน เพื่อหวังสร้างประโยชน์ให้อีสานตอนบน เพราะอยู่ไม่ไกลจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย , ตั้งอยู่ติดกับทางรถไฟ ซึ่งรถไฟทางคู่- และความเร็วสูง จะยังคงใช้เส้นทางนี้ , อยู่ใกล้กับสนามบินอุดรธานี ที่มีศักยภาพสูงเป็นอันดับ 1 ของกรมท่าอากาศยาน ถือเป็นจุดเด่นให้นักลงทุนสนใจ
นับตั้งแต่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้รับพื้นที่จากนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี เพื่อก่อสร้างสถานีไฟฟ้าขนาด 150 เควี ซึ่งแล้วเสร็จจ่ายไฟฟ้าไปแล้ว ควบคู่ไปกับการปรับพื้นที่ , สร้างบ่อหน่วยน้ำฝน 3 บ่อความจุ 1 ล้าน ลบม. , การก่อสร้างถนนคอนกรีตมาตรฐาน , วางท่อระบายน้ำฝนลงบ่อหน่วงน้ำ , ท่อระบายน้ำเสีย , ท่อประปา (เตรียมเชื่อมเข้ากับ กปภ.) ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากกว่า 70 เปอร์เซนต์แล้ว
นอกจากพื้นที่เพื่อรองรับนักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ ยังแบ่งพื้นที่ไว้ให้กลุ่ม SME 100 ไร่ สำหรับนักลงทุนในพื้นที่-ใกล้เคียง รวมไปถึงกลุ่มสตาร์ทอับ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์เช่นกัน ต่อด้วยแผนงาน เฟส 2 โครงการ “ศูนย์กระจายสินค้าทางราง” ในพื้นที่ 600 ไร่ นามบริษัทลูก “อุดรโลจิสติกส์ ปาร์ค” ที่เริ่มขยับก่อสร้างอาคารหลังสินค้า “แวร์เฮ้าส์” 3 หลัง รวม 23,000 ตรม. มีแผนเปิดให้บริการ พ.ค.ปีนี้
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 นายธีรยุทธ วานิชชัง ผู้ช่วย รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความคืบหน้า พร้อมนายกิตติศักดิ์ สกุลคู ผู้บริหาร บ.เจียงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ประกอบการด้านรถจักรยานยนต์รายใหญ่อีสานตอนบน เพื่อดูความพร้อมในการรองรับ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) นวัตกรรมของอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ที่ภาครัฐมีนโยบายให้การสนับสนุน โดยเล็งเห็นศักยภาพของนิคมฯอุดรธานี ในการพัฒนาเป็น EV HUB ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
กลุ่มเจียงฯ มีแผนการลงทุนผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และกำลังศึกษาพื้นที่ที่เหมาะสม ในการจัดตั้งโรงงานในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน มีการหารือประเด็นความต้องการ ปัญหาอุปสรรค โดยเฉพาะเรื่องสิทธิประโยชน์พิเศษที่จะได้รับ เมื่อเข้ามาอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม โดยพร้อมจะสนับสนุนเพื่อให้นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี เป็นศูนย์กลางการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle HUB หรือ EV HUB ต่อไป
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 นายพิสิษฎ์ พิพัฒน์วิไลกุล กรรมการผู้จัดการ บ.เมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี จก. ให้การต้อนรับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ จ.อุดรธานี ประกอบด้วย นักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC หอการค้า จ.อุดรธานี ,
สมาชิก Young FTI สภาอุตสาหกรรม จ.อุดรธานี และ และสมาชิกยุวฮากกา จ.อุดรธานี มากกว่า 30 คน เดินทางมาติดตามความคืบหน้า “นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี” ในการจัดการของนักธุรกิจอุดรธานีในนาม บ.เมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภค และการเชิญชวนผู้มาลงทุน
นักธุรกิจรุ่นใหม่ จ.อุดรธานี 3 กลุ่ม ได้รับฟังแผนงานนิคมอุตสาหกรรม เป้าหมาย “นิคมอุตสาหกรรมสีเขียว” เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีชาวอุดรธานีเป็นเจ้าของดูแลรับผิดชอบ ได้ผ่านกระบวนการรับฟังความเห็น ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รับรองโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีสิทธิประโยชน์พิเศษ และการอำนวยความสะอวด ลดขั้นตอนการขออนุญาตต่าง ๆ และกำลังดำเนินการสร้างสิ่งสาธารณูปโภค สามารถเข้าจองพื้นที่ลงทุนได้แล้ว
นายพิสิษฎ์ พิพัฒน์วิไลกุล ได้เชิญชวนนักธุรกิจรุ่นใหม่ เข้ามาลงทุนในพื้นที่จัดเฉพาะ 100 ไร่ ให้ธุรกิจ เอสเอ็มอี. เป็นทางเลือกของสตาร์ทอับ ที่ไม่ใช่เฉพาะผลิตสินต้า แต่หมายถึงภาคบริการด้วย สามารถเริ่มต้นจากการเช่าพื้นที่ การบริการก่อสร้างสำนักงาน และโรงงาน ได้ทันทีอย่างรวดเร็ว หากประสบความสำเร็จ จะลงทุนด้วยการซื้อภาคหลังก็ได้ พร้อมระบุว่าปลายปีนี้ จะมีรถไฟขนส่งสินค้าจากประเทศจีน ขนสินค้าจากประเทศจีนมาที่ สปป.ลาว สินค้าเหล่านั้นจะถูกส่งข้ามมาไทย กลับกันรถไฟขนสินค้าที่มา จะต้องหาสินค้าขนกลับไปประเทศจีน วันนี้ยังไม่รู้เลยว่า เราจะให้ขนอะไรกลับไป เรามีเวลาอีก 10 เดือน
นายพิสิษฎ์ พิพัฒน์วิไลกุล เปิดเผยว่า พื้นที่ของรับ SME ก็ได้รับความสนใจ จากทั้งผู้ประกอบการเดิม ต้องการย้ายเข้ามาในนิคมฯ และบรรดาสตาร์ทอับ ที่สนใจรูปแบบเริ่มธุรกิจจากการ “เช่า” ขณะอาคารคลังสินค้า หรือแวร์เฮ้าส์ 23,000 ตรม. ในนาม บ.อุดรโลจิสติกส์ ปาร์ค จก. จะเปิดให้บริการได้อีกไม่กี่เดือน มีนักธุรกิจจากนอกพื้นที่ ให้ความสนใจอยู่ระหว่างเจรจา ซึ่งเมื่อเขามาใช้พื้นที่ สิ่งสาธารณูปโภคต่าง ๆ ก็จะมีความสมบูรณ์พอดี ….
