วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 3, 2025
Google search engine
หน้าแรกเศรษฐกิจทรัมป์ประกาศตกลงการค้ากับเวียดนาม ไทยเตรียมเจรจาวันนี้ หวังเลี่ยงภาษี 36%

ทรัมป์ประกาศตกลงการค้ากับเวียดนาม ไทยเตรียมเจรจาวันนี้ หวังเลี่ยงภาษี 36%

วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกา ได้บรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับ เวียดนาม อย่างเป็นทางการ โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สินค้าส่งออกจากเวียดนามจะถูกเก็บภาษี 20% ขณะเดียวกัน สินค้าจากสหรัฐฯ ที่เข้าสู่เวียดนามจะได้รับการยกเว้นภาษีทั้งหมด ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นก่อนเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งเป็นกำหนดที่ทรัมป์เคยประกาศจะเก็บภาษีสูงสุดถึง 46% หากไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้น

ขณะนี้ ประเทศไทย เตรียมเข้าสู่การเจรจากับสหรัฐฯ ในวันนี้ (3 กรกฎาคม 2568) โดยมีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีดังกล่าวเช่นกัน ท่ามกลางแรงกดดันจากการที่เวียดนามสามารถตกลงได้ก่อน ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ หากไม่สามารถเจรจาได้สำเร็จภายในเวลาอันใกล้นี้
เวียดนามเสียภาษี 20% แลกสิทธิปลอดภาษีของอเมริกา

จากการเปิดเผยของ ประธานาธิบดีทรัมป์ ผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดนามในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ Liberation Day Tariffs ซึ่งรัฐบาลทรัมป์ใช้เป็นกลไกกดดันประเทศคู่ค้าให้ยอมรับเงื่อนไขด้านภาษีที่เป็นธรรมมากขึ้นสำหรับสหรัฐฯ โดยเวียดนามตกลงให้เก็บภาษี 20% สำหรับสินค้าทุกชนิดที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน สินค้าจากอเมริกาจะสามารถเข้าสู่เวียดนามได้โดยไม่มีอัตราภาษีนำเข้า

แหล่งข่าวจากภาคธุรกิจในเวียดนามระบุว่า การยอมรับภาษี 20% นี้ แม้จะดูเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เป็นการแลกเปลี่ยนกับโอกาสในการรักษาตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปลายทางส่งออกอันดับหนึ่งของเวียดนาม โดยในปี 2567 เวียดนามส่งออกไปยังสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงถึง 137,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับเมื่อ 5 ปีก่อน ไทยจับตาอย่างใกล้ชิด เตรียมหารือสหรัฐฯ หวังรักษาสิทธิการค้า

ด้านประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 63,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็กำลังเร่งเจรจาอย่างเร่งด่วนกับรัฐบาลวอชิงตันในวันนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีตามกรอบเดียวกัน โดยหากไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้นทันเวลา สินค้าจากไทยก็จะต้องถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 36% ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
กระทรวงพาณิชย์ของไทย ระบุว่า ฝ่ายไทยเตรียมนำเสนอข้อมูลด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การลงทุนของบริษัทอเมริกันในไทย รวมถึงบทบาทของไทยในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการได้รับการผ่อนปรนหรือยกเว้นภาษี อย่างไรก็ตาม หลังเวียดนามตกลงรับอัตราภาษี 20% และปล่อยให้สินค้าอเมริกันเข้าสู่ตลาดภายในได้แบบปลอดภาษี ก็อาจทำให้จุดยืนของไทยอ่อนลงในสายตาของผู้เจรจาสหรัฐฯ

เวียดนามขึ้นแท่นคู่ค้าเบอร์หนึ่งในเอเชีย ไทยอาจต้องเร่งปรับกลยุทธ์

เมื่อพิจารณาจากข้อมูลการค้าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้กลายเป็นประเทศในเอเชียที่มีอัตราการขยายตัวทางการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สูงที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องนุ่งห่ม และเฟอร์นิเจอร์ ขณะที่ไทยแม้จะมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์และอาหาร แต่การเติบโตยังอยู่ในอัตราที่ชะลอตัว
นักเศรษฐศาสตร์หลายรายชี้ว่า หากไทยไม่สามารถเจรจาข้อตกลงที่เท่าเทียมหรือดีกว่าเวียดนามได้ อาจทำให้บริษัทต่างชาติที่ปัจจุบันตั้งฐานการผลิตในไทยหันไปลงทุนในเวียดนามแทน เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนภาษีในอนาคต
ภาคเอกชนไทยหลายแห่งรวมถึง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเจรจาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเสนอให้มีมาตรการเสริมเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กที่ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก

จับตาการเจรจาไทย–สหรัฐฯ ก่อนเส้นตาย 9 กรกฎาคม
การเจรจาของไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดในวันนี้ (3 กรกฎาคม 2568) ถือเป็นโอกาสสำคัญในการรักษาสิทธิประโยชน์ทางการค้ากับตลาดอันดับหนึ่งของไทย โดยหากสามารถตกลงได้ทันก่อนเส้นตาย จะช่วยหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจมีต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ

 

แหล่งข่าวจากฝั่งอเมริกันระบุว่า รัฐบาลทรัมป์ยังเปิดช่องสำหรับการเจรจาแบบทวิภาคี แต่จะไม่ยอมอ่อนข้อต่อประเทศที่ “ไม่ให้สิทธิที่เท่าเทียมกับอเมริกา” ซึ่งทำให้ไทยต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการปกป้องตลาดภายในประเทศกับการรักษาสัมพันธภาพทางการค้าระยะยาวกับสหรัฐฯ

ข้อมูลจาก : https://themainstream.news/business/14359/

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments