สาวเพชรบูรณ์ทะเลาะกับแฟนหนุ่มที่ จ.อุดรธานี หอบเสื้อผ้าเดินเท้าจะกลับบ้าน ระหว่างทางเจออดีตกิ๊กแม่แฟนหนุ่มระหว่าง ถูกตบหน้าและต่อยท้องฉุดขึ้นรถสามล้อเครื่อง ก่อนเรียกลูกน้องอีก 3 ราย ซ้อนรถจักรยานยนต์ตามไปรุมโทรมในป่า เสร็จกิจชักมีดขู่ห้ามบอกใครห้ามแจ้งตำรวจ สะบักบอมออกจากป่า โชคดีเจอพลเมืองดีพาไปส่งโรงพัก เบื้องต้นแจ้งความแล้ว แต่ยังลอยนวลในพื้นที่
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านนางปิยะ นามสมมุติ อายุ 50 ปี ที่บ้านใน ต.สุมเส้า อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี หลังได้รับการร้องเรียนว่าแฟนสาวของนายก๊อต อายุ 27 ปี ลูกชาย คือ น.ส.บิว อายุ 27 ปี ชาว อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ถูกนายไข่ อายุ 63 ปี ชาว ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี อดีตกิ๊กของนางปิยะฯ ฉุดขึ้นรถสามล้อเครื่องพาไปรุมโทรม พร้อมกับพรรคพวก 3 ราย ที่ป่าสาธารณะหลัง อบต.นาข่า อ.เมือง ห่างจากจุดที่ถูกฉุดไปเกือบ 10 กม. เบื้องต้นได้แจ้งความไว้กับ พ.ต.ต.วัฒพงษ์ จำนงอุดม สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี
น.ส.บิว เล่าว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ทะเลาะกับแฟนหนุ่มช่วงบ่าย จึงเก็บเสื้อผ้าใส่ลังกระดาษ เดินมาตามถนนมุ่งหน้าไปถนนมิตรภาพ ประมาณ 17.00 น. มานั่งรอรถประจำทางอยู่ศาลาริมทาง บ.นาคำหลวง แต่เมื่อดูแล้วว่าไม่มีรถ จึงเดินมาถึงทางแยกเข้าวัดป่าอัมพวัน ห่างจากจุดแรก 200 ม. ตอนนั้นมีญาติแฟนโทรมาบอกว่า จะขับรถมารับไปส่งสถานีรถไฟอุดรฯ ให้รออยู่ตรงนั้นจะไปรับอีก 20 นาที สักพักก็มีนายไข่ ที่ตนเรียกว่าพ่อ หรือพ่อเลี้ยง ขับรถสามล้อเครื่องมาหา
“ นายไข่หว่านล้อมจะไปส่งแต่ได้ปฏิเสธ จากนั้นเขาได้ใช้มือตบ และต่อยท้องตน บังคับให้ขึ้นรถ จึงยอมขึ้นไป แล้วนายไข่ก็พาไปทางเปลี่ยว ตอนนั้นเข้าได้โทรบอกลูกน้อง 3 คน ให้ขับรถจักรยานยนต์ตามมา ระหว่างทางพยายามจะกระโดดลงจากรถ แต่นายไข่ก็ชักมีดออกมาข่มขู่ จึงไม่กล้าขัดขืนอะไร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ นายไข่ขับรถเลี้ยวเข้าไปในป่า ลูกน้องเขาก็เลี้ยวตามเข้ามา ก่อนนายไข่ใช้กำลังบังคับข่มขืน โดยนายไข่ลงมือคนแรก มีลูกน้องเขา 3 คน เป็นคนจับขึงพรืดไปกับพื้น ”
น.ส.บิว เล่าว่า ระหว่างที่นายไข่ข่มขืนได้พูดกับตนว่า ให้ตนอมนกเขาจะให้เงิน 500 บาท เมื่อไม่ยอม ก็ถูกต่อยท้อง ถูกมีดจี้เอาไว้ หลังจากนั้นลูกน้องเขา 3 คน ก็ผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนจนครบ ตนถูกทำร้ายอยู่นานหลายชั่วโมง จนหนำใจแล้วลูกน้อง 3 คนกลับ นายไข่ได้ข่มขู่ว่าห้ามไปบอกใคร ห้ามแจ้งตำรวจ แจ้งไปก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ ถ้าแจ้งจะกลับมาฆ่าให้ตายยกครัว แล้วเขาก็ขับรถสามล้อเครื่องไป ตนใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกมาจากป่า จนมาเจอพลเมืองดีขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา เขาจึงพาไปส่งโรงพักเมืองอุดรฯ
นางปิยะฯ เล่าว่า น.ส.บิว เป็นคนพิการสมองพัฒนาการช้า คบหากับลูกชายได้ประมาณ 3 ปี ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ส่วนนายไข่ตนรู้จักกันมา 1 ปี ตอนไปทำงานก่อสร้างด้วยกัน เคยคบหากันช่วงสั้นฯ เมื่อรู้ว่าเขามีครอบครัวก็ตีตัวออกห่าง ที่สำคัญมารู้ทีหลังว่ามีพฤติกรรมไม่ดี เป็นคนเจ้าชู้ เป็นคนหื่น ซาดิสต์ จีบผู้หญิงไปทั่ว ไม่สนว่าลูกใคร เมียใคร นายไข่จะจีบและมีสัมพันธ์ไปทั่ว เมื่อ 2 เดือนก่อนทะเลาะกันหนัก จนลูกชายมาช่วย เขาก็อาฆาตเอาไว้ แล้วออกจากบ้านไป เราก็ห่างกัน
“ วันเกิดเหตุไปช่วยขนทรายเข้าวัด พอกลับมาลูกชายบอกว่า น.ส.บิว หอบเสื้อผ้าหนีกลับบ้านแล้ว จึงบอกให้ลูกชายบอกให้โทรหา ลูกก็บอกเดี๋ยวค่ำๆค่อยโทร สักพักลูกชายก็ออกไปตามหาแต่ก็ไม่เจอ จน 21.30 น. เพื่อนรุ่นพี่โทรมาบอกว่า น.ส.บิว โทรมาหา ได้ยินแต่เสียงผู้ชายหลายคนอยู่รอบๆ อาจจะเกิดเรื่องร้าย จึงออกตามหาอีกครั้ง จนมารู้ว่าตำรวจพาไปที่โรงพัก จนเช้าได้พาไปสถานีรถไฟ เพราะ น.ส.บิวไม่ได้พูดความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น จนรถไฟไปถึงขอนแก่นแล้ว ลูกชายจึงโทรหาอีกครั้ง พอเขากลับมาก็พาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล จนอีกวันถึงเข้าไปแจ้งความกับตำรวจ ”
นางปิยะฯ เล่าอีกว่า หลังเกิดเหตุนายไข่ก็ยังลอยนวลอยู่ แต่ไม่กล้าเข้ามาที่บ้านอีก ตอนนี้ยังรอผลตรวจร่างกาย โรงพยาบาลนัดวันที่ 10 มิ.ย.นี้ แต่ก็ยังกังวลในความปลอดภัย เพราะนายไข่มีพรรคพวกเยอะ เขาเป็นคน จ.นครพนม มาได้ครอบครัวที่นี่ อยู่ที่นี่นานหลาย 10 ปี จนลูกเต้าโตกันหมดแล้ว อยากให้จับกุมนายไข่ เพราะเป็นบุคคลอันตราย ชอบข่มขู่คนอื่น ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงจะขู่ฆ่า กลับตนเองก็ยังไม่เว้น ชอบใช้กำลังตบตี ตนก็ไม่ได้อยากอยู่ด้วย แต่เขาตัวใหญ่แรงเยอะ เป็นสิ่งที่ยังกังวลอยู่ เพราะกลัวไม่ปลอดภัย
ด้านนายก๊อตฯ เล่าสั้นๆว่า “ทะเลาะกันเพราะหึงหวง เนื่องจากเห็นแฟนสาวคุยโทรศัพท์นานหลายสาย พอเขาไปก็บล็อกเบอร์บล็อกเฟซ โกรธนายไข่มาก พูดอะไรไม่ออก แต่ก็ขอให้เป็นเรื่องของกฎหมาย” จากนั้นได้พาไปดูบริเวณบ้านพบว่าห้องนอนกั้นแยกจากห้องแม่ เนื่องจากไม่ชอบนายไข่ตอนที่อยู่ด้วย ต้องเข้าออกทางหน้าต่างแทน และวันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย.) ตำรวจได้นัดหมายให้ปากคำอีกครั้งช่วง 13.00 น.
ต่อมาวันที่ 3 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ฟาร์มเลี้ยงวัวเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อไปพบกับนายไข ยางเบือก หรือไข่ อายุ 63 ปี ชาว ต.นาข่า ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำร้ายร่างกายและพาพวกไปรุมโทรม น.ส.บิว ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในฟาร์มพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน โดยมี นางคำตัน อายุ 66 ปี ภรรยานายไข่ นั่งเล่นพักผ่อนอยู่ในเพิ่งพักภายในฟาร์ม
นายไข่ เล่าว่า ยอมรับว่าเคยคบหากับนางปิยะ เคยไปอยู่กินที่บ้านของนางปิยะ แต่ก็ต้องเลิกรากันไปประมาณเดือนเมษายนปีนี้ นางปิยะเป็นคนขี้หึง ตนจะไปทำงาน ไปที่ไหน ก็คิดแต่ว่าตนจะไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น กล่าวหาว่าตนเจ้าชู้ มีผู้หญิงเยอะ ตนทนไม่ได้ก็เลยเลิกกัน แล้วกลับมาอยู่กับภรรยา ที่เขากล่าวหาตนว่าไปข่มขืนลูกสะใภ้เขา คิดว่าคงเกิดจากความแค้นที่ตนเลิกกับเขาไป ยืนยันว่าไม่เคยแตะเนื้อต้องตัว น.ส.บิวเลย ตนยินดีให้พิสูจน์ความจริง ตนบริสุทธิ์ใจ
“ที่ผ่านมานางปิยะฯ เขาก็กล่าวหาตนว่ามีคนอื่นมาตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถ้าพิสูจน์แล้วว่าตนบริสุทธิ์ ตนก็จะขอฟ้องร้องกลับคืนเช่นกัน วันที่เขาไล่ น.ส.บิวออกมาจากบ้าน ตนก็เห็นเขาออกมานั่งรอรถริมทาง น.ส.บิวต่างหากที่อ้อนวอนตนให้ไปส่ง แต่ตนก็ไม่ได้ไปส่ง อยากให้มาคุยกันต่อหน้า ตนกล้าท้าให้มากินน้ำสาบานไปพร้อมกันเลย อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะกล้าหรือไม่ ตนพร้อมพิสูจน์ความจริง พร้อมชี้แจงทุกอย่าง แต่ก็ยังไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่ติดต่ออะไรมาเลย” นายไข่เล่าด้วยความโมโห
ด้านนางคำตันฯ ภรรยานายไข่ เล่าว่า เรื่องที่สามีไปคบหากับนางปิยะฯ ตนรู้มาตลอด เขาคบหากันมาเกือบ 2 ปี ตนแก่แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร สามีอยากทำอะไรก็ทำไป ไม่เคยไปหึงหวง สามีเลิกกับนางปิยะฯ แล้วก็กลับมาหาตนช่วงหลังสงกรานต์ปีนี้ ส่วนที่ว่าเขาเจ้าชู้หรือมีหญิงอื่น ตนก็ไม่รู้ เพราะตนก็ไม่ได้สนใจ และเรื่องกล่าวหาว่าไปข่มขืนลูกสะใภ้นางปิยะฯ ตนก็ไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ก็ขอให้เป็นเรื่องของกฎหมาย ต้องพิสูจน์ความจริงกันไป