เขตสุขภาพที่ 8 อีสานตอนบน 7 จังหวัด เดินหน้า “30 บาท รักษาทุกที่ ไม่มีใบส่งตัว” ต่อจากกรุงเทพฯ และ เขตสุขภาพ 9 แผนเมษายนนี้ข้ามเขตในอีสานได้
เวลา 13.00 น. วันที่ 2 มีนาคม 2564 ณ ห้องประชุมชั้น 7 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี นายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 เป็นประธานเปิดโครงการ และเป็นสักขีพยานลงนามบันทึกความร่วมมือ ยกระดับหลักประกันสุขภาพ “30 บาท รักษาทุกที่ ไม่มีใบส่งตัว” (2 ม.) เขตสุขภาพที่ 8 คือ 1. ไม่เก็บเงินผู้ป่วย หมายถึง เมื่อผู้ป่วยบัตรทองมารับบริการที่สถานบริการแห่งใดจะต้องไม่เก็บเงินผู้ป่วย 2. ไม่มีใบส่งตัว หมายถึง ผู้ให้บริการจะต้องไม่ขอเอกสารใบส่งตัวจากผู้ป่วย และไม่ให้ผู้ป่วยกลับไปขอรับใบส่งตัวจากหน่วยบริการที่ลงทะเบียน
มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด , ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี , ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วไป ในพื้นที่สาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 รวม 7 จังหวัด ประกอบด้วย อุดรธานี , เลย , หนองบัวลำภู , หนองคาย , สกลนคร , นครพนม , และบึงกาฬ ร่วมลงนาม โดยมี นพ.สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 8 , และ ทพ.กวี วีระเศรษฐกุล ผอ.หลักประกันสุขภาพ แห่งชาติเขต 8 อุดรธานี รวมลงนามเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ นับเป็นพื้นที่ที่ 3 ได้ดำเนินการโครงการนี้ ต่อจากกรุงเทพฯ และเขตสุขภาพที่ 9
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 กล่าวว่า ในปี 2564 รัฐบาลมีนโยบายยกระดับระบบ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติโดย มีเป้าหมายต้องไม่มีผู้ป่วยอนาถา ประชาชนทุกคนเท่าเทียมกัน อยู่ด้วยศักดิ์ศรีไม่ว่าจะยากดีมีจน โดยจัดระบบบริการให้ประชาชนคนไทย มีหมอประจำตัว 3 คน เมื่อเจ็บป่วยไปรับบริการกับหมอประจำครอบครัวใน หน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ ผู้ป่วยในไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม และประชาชนสามารถย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที
“ เขตสุขภาพที่ 8 จึงดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 ในหน่วยบริการทุกระดับครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด เชื่อมโยงข้อมูลทุกหน่วยบริการ ด้วยโปรแกรม R8 Anywhere เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ทุกที่ ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่ใช้ใบส่งตัว การลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพ ให้ครอบคลุมประชาชน ทุกคนในเขตสุขภาพที่ 8 มากยิ่งขึ้น ให้สามารถใช้บริการได้ทุกหน่วยบริการในเขต และเป็นการเตรียมการขยาย บริการได้ทุกหน่วยบริการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ”
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาผู้ที่ถือสิทธิบัตรทอง จะต้องได้รับการขึ้นทะเบียน มีขอบเขตว่าจะไปรับบริการที่ไหน เราก็มีปัญหาว่าหากเราเดินทางไปไหน แล้วเกิดไปเจ็บป่วยระหว่างทาง สิทธิบัตรไม่ได้ตามตัวไปด้วย ถ้าจะใช้สิทธิต้องกลับไปที่เดิม หรือไปขอรับใบส่งตัว ทำให้เป็นภาระกับประชาชนมาก นโยบายรัฐบาลให้สิทธิติดตามตัวไป คุณจะไปใช้สิทธิที่ไหนก็ได้ โดยเขตสุขภาพที่ 8 เริ่มจาก 7 จังหวัดนี้ก่อน
“ ความจริงเวลาหมอรักษาคนไข้ จะต้องมีข้อมูลคนไข้เดิม ว่ารักษายังไง กินยาอะไรอยู่ มีโรคประจำตัวหรือไม่ ทางหมอก็จะเชื่อมโยงข้อมูลกัน ทั้งระบบออนไลน์หรือโซเชียล โดยคนไข้ไม่ต้องกลับไปเอาใบส่งตัวมา จะเกิดประโยชน์กับประชาชน และเกิดคุณภาพมาตรการการบริการด้วย ไม่ต้องเสียงค่าใช้จ่าย รพ.จะไปเรียกเก็บกันเอง โดย สปสช.จะมีการกันเงินไว้ส่วนหนึ่ง ไว้สำหรับคนไข้กลุ่มนี้ รพ.ก็จะไม่มีภาระทางการเงิน “
ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 ตอบคำถามด้วยว่า เราเคยคำนวณว่าหากมีการข้าม จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มหลัก 10 ล้าน แต่เมื่อมีการดำเนินการในเขต 9 เราพบว่าคนไข้คนเดิม โรคก็โรคเดิม คนเจ็บป่วยเองหากไม่จำเป็น เขาก็จะไม่ข้ามพื้นที่ เขาอยากรักษาที่เดิมด้วยซ้ำ ใกล้บ้าน ใกล้ญาติพี่น้อง ช่วยกันดูแล งบประมาณที่คิดว่าเยอะก็ไม่ใช่ เขตสุขภาพที่ 8 จึงนำมาดำเนินการ โดย 1 มีนาคมนี้ คนในเขตสุขภาพ 8 สามารถข้ามจังหวัดในเขตได้ กระทรวงมีแผนว่า 1 เมษายนนี้ จะให้ข้ามเขตกันได้ใน 4 เขตในภาคอีสาน อนาคตก็จะข้ามภาคได้ด้วย
