เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 นายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือเฮียเปี๊ยก เจ้าของเพจ “เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย” นำ น.ส.วนิดา สุวรรณโสภา อายุ 35 ปี ชาวอุดรธานี แม่ค้าขายไข่แห่งหนึ่งในตลาด อ.หนองหาน จ.อุดรธานี มาแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ มุงคุณ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี หลังได้รับการร้องขอความช่วยเหลือว่า โดนนาง ต.นามสมมติ เจ้าของคลินิกเสริมความงาม หลอกให้ลงทุนทำถุงมือแพทย์ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ได้กำไรสูง ตนและแฟนหลงเชื่อจึงรูดบัตรเครดิตไปลงทุน 2.2 แสนบาท แต่ไม่ได้ผลิตถุงมือ อ้างว่าได้รับผลกระทบจากพิษโควิด พอขอเงินคืนก็ไม่ยอมคืนเงิน แถมยังมาเอาไข่ที่ร้านไปขายและไม่ยอมจ่ายเงินอีก 52,340 บาท ทำให้ตนสูญเงินไป 2.7 แสนบาท โดยมีสลิปการโอนเงิน บิลค่าไข่ และการแชท มาเป็นหลักฐาน เพื่อแจ้งความดำเนินคดี
น.ส.วนิดา เล่าว่า เมื่อกลางปี 2564 ขณะที่ตนและแฟนเปิดร้านขายไข่ ได้มีนาง ต.นามสมมติ อายุ 59 ปี ชาวอุดรธานี อ้างว่าเป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงามมีชื่อแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี มาซื้อไข่ไปขายโดยมีแผงขายไข่ในตลาดสด และตึกแถวเป็นร้านขายไข่ โดยซื้อไข่จำนวนมากด้วยเงินสด ทำให้ตนและนาง ต.สนิทสนมกัน ไปมาหาสู่จนได้คบหาเป็นเพื่อนกัน โดยนาง ต. จะเล่าว่ามีโรงงานทำถุงมือแพทย์อยู่กรุงเทพฯ มีออเดอร์จาก สปป.ลาว สั่งผลิตถุงมือแพทย์ 3 ล้านกล่อง ต่อมา นาง ต. ได้ชักชวนให้ตนและแฟนไปลงทุนด้วย โดยให้กำไรตนกล่องละ 1 บาท ถ้าผลิต 3 ล้านกล่องตนจะได้กำไร 3 ล้านบาท นาง ต.อ้างว่าปีต่อไปจะลงทุนอีก 5 ล้านกล่อง ทำให้ตนและแฟนหลงเชื่อ เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2564 แฟนจึงนำบัตรเครดิตไปรูดเงินรวม 2.2 แสนบาทมาร่วมลงทุนกับนาง ต.
หลังจากได้เงิน 2.2 แสนบาทไปลงทุนทำถุงมือแพทย์ นาง ต. ก็ยังมาซื้อไข่กับตนไปขายตามปกติ ด้วยความเชื่อใจและไว้ใจ คิดว่าเป็นเพื่อนกัน คงจะไม่มาหลอกลวง ตนจึงให้ซื้อไข่ไปขายก่อน นำเงินมาจ่ายภายหลัง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564-มกราคม 2565 จำนวน 6 ครั้ง รวมเป็นเงิน 52,340 บาท ซึ่งนาง ต.ไม่เคยนำเงินมาจ่ายค่าไข่ มีแต่มาเอาไข่ไปขาย พอตนสอบถามเรื่องการลงทุนทำถุงมือแพทย์ นาง ต.ก็อ้างว่าโรงงานยังไม่ได้ผลิตถุงมือแพทย์ เพราะพิษโควิด ตนจะทวงถามเงินคืน เพราะตนต้องผ่อนส่งบัตรเครดิต ก็รับปากว่าเดือนกรกฎาคม 2565 จะคืนเงินให้ แต่ก็ไม่คืนตามนัด พอทวงถามก็มักจะพูดบ่ายเบี่ยงมาตลอด ในที่สุดก็หายหน้าไป พอโทรไปถามนาง ต.จะพูดว่า “เดี๋ยวพี่จัดการให้เงินแค่นี้พี่ไม่โกงหรอก”
ส่วนสาเหตุที่ตนไม่กล้าไปทวงเงินกับนาง ต. บ่อยๆ เพราะนาง ต.มักจะพูดอ้างให้ตนและแฟนฟังเสมอว่า “รู้จักคนใหญ่คนโต ญาติสามีเป็นนายตำรวจใหญ่ ถ้ามีปัญหากับใครญาติสามีก็จะอุ้มได้” ทำให้ตนและแฟนกลัว ซึ่งนาง ต. ก็ไม่นำเงินมาคืนเลย ไม่มาเคลียร์ตามที่พูดไว้ ทั้งค่าลงทุน 2.2 แสน และเงินค่าไข่ 5 หมื่นบาท รวมเป็นเงิน 2.7 แสนบาท ถ้าไปทวงบ่อยๆ เกรงว่าจะโดนอุ้ม เดือนตุลาคม 2565 ตนจึงมาปรึกษาเฮียเปี๊ยกว่าตนโดนโกงหรือไม่ พอรู้ว่าโดนโกงแน่นอน จึงรวบรวมหลักฐานมาแจ้งความดำเนินคดีกับนาง ต. จนถึงที่สุด
“ ฝากถึงนางต.อยากให้เขาออกมารับผิดชอบ เพราะนาง ต.ไม่เคยติดต่อมาเลย ซึ่งนาง ต. ก็รู้และเห็นว่าตนลำบาก ต้องนำบัตรเครดิตแฟนไปรูด นำเงินมาลงทุนตามคำชักชวน ต้องผ่อนส่งบัตรเครดิต ถ้าไม่มีเงินก็ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาจ่าย เพราะไม่อยากเสียเครดิต ให้เห็นใจกันด้วย”