จากรณีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Mint kwanruethai ได้โพสต์คลิปภาพ จากกล้องวงจรปิดหอพักมีชื่อแห่งหนึ่งใน ซ.ละมุลอุทิศ ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ขณะมีชายวัยรุ่น 2 คน บุกเข้าไปในห้องพักทำร้ายแฟนหนุ่มจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.49 น. วันที่ 1 เมษายน 2565 โดยผู้โพสต์และชาวโซเชียลต่างแสดงความคิดเห็นถึงความอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ว่า “บุกมาทำร้ายถึงในห้อง กล้ามากไม่เกรงกลัวกฏหมายเลย คลิปในเม้นต์ ขอร้องเรื่องอย่าเงียบ ช่วยๆตามมามอบตัวทีค่ะ คนเจ็บอาการโคมาไม่ได้สติ #อุดรมันแคบ มึงบุกรุกมาทำร้ายร่างกายถึงในห้องแบบนี้ บอกเลย เจอกันที่ สภ เท่านั้น กะจะฆ่ากันให้ตายเลยบ่ ใจดำแท้ #แชร์ไปมามอบตัวด้วย ‼️ สาเหตุมาจากการหึงหวงรึเปล่าคะเห็นคอมเม้นพี่เขาบอกว่าคนที่ถูกแทงคือคนคุยพี่เขา คนคุยเก่ามาแทงแฟนใหม่ค่ะแย่มากเอาเรื่องให้ถึงที่เลยคะ เอาเข้าคุกเลย ไม่มามอบตัวสักทีพี่ รอแล้วรออีก รู้จักบ้านค่ะพี่ แต่แม่ก็ไม่พามามอบตัว”
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 เมษายน 2565 ที่ สภ.เมืองอุดรธานี นางปรางใจ เนาวะดี อายุ 54 ปี และนายวรวุธ แก้วศรีโท อายุ 42 ปี แม่และพ่อเลี้ยง นายวรวุฒิ แสงสว่าง อายุ 21 ปี ผู้บาดเจ็บ ชาว ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย นางสาวเอ นามสมมุติ อายุ 18 ปี แฟนสาว เดินทางมาให้ปากคำกับ ร.ต.อ.สรวิศิษฏ์ มีเพียร รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี หลังจากเดินทางมาแจ้งความช่วงเช้าวันที่ 1 เมษายน 2565 โดยไม่อนุญาติให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปในห้องสอบสวน และขณะนี้ นายวรวุฒิฯ ผู้บาดเจ็บที่เสียเลือดมาก และยังไม่รู้สึกตัวอาการโคม่า ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู รพ.ศูนย์อุดรธานี
หลังถูกนายแคป อายุ 17 ปี ชาว ต.สร้างก่อ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ใช้อาวุธมีดดาบ บุกฟันที่ใบหน้า คิ้ว คาง เป็นแผลฉกรรจ์ ขณะนอนหลับอยู่ภายในห้องพักของแฟนสาวเพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนชื่อต้น อายุ 16 ปี ไม่ทราบที่อยู่ ที่มาด้วยกันกับผู้ก่อเหตุ และยืนอยู่หน้าห้องเกิดเหตุ และไม่ได้เข้าไปห้ามผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด โดยกล้องวงจรปิดของหอพักบันทึกภาพเอาไว้ได้ขณะเข้าไปก่อเหตุอย่างอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์อุกอาจครั้งนี้ คาดว่าน่าจะเกิดมาจากความหึงหวง จึงเป็นชนวนกลายเป็นหึงโหดขึ้น
นางสาวเอ นามสมมุติ แฟนสาวผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า นายโอผู้บาดเจ็บเป็นแฟนกัน เพิ่งคบกันประมาณ 1 เดือน ส่วนนายแคปผู้ก่อเหตุเป็นแฟนเก่าที่เลิกรากันไปแล้วก่อนหน้านี้ ประมาณ 1เดือนเศษ วันเกิดเหตุตนกับแฟนแยกกันออกไปธุระ แฟนออกไปสังสรรค์กับเพื่อน ส่วนตนออกไปกินหมูกระทะและดื่มสังสรรค์กับเพื่อน ขณะเดียวกันเพื่อนในกลุ่มได้โทรชวน นายแคปแฟนเก่ามาร่วมวงด้วย จนผ่านไปช่วงดึกตนเห็นว่าแฟนเมาแล้วและบ้านอยู่ไกล กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ จึงเอากุญแจห้องไปให้ เพื่อจะได้นอนพัก ก่อนที่ตนจะกลับออกมาสังสรรค์กับเพื่อนต่อ และกลับไปนอนหอพักของเพื่อนจนเช้า ซึ่งในช่วงเช้าถึงจะรู้เรื่องว่าแฟนถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากเห็นสตอรี่ในเฟซบุ๊คของแฟนมีภาพบาดแผลโพสต์ลง ตอนแรกคิดว่าอุบัติเหตุรถล้ม มีการแชตไปต่อว่าแฟน แม่แฟนจึงตอบแชตและโทรศัพท์คุยกัน ถึงรู้เรื่องทั้งหมด พอไปเช็คดูกล้องวงจรปิดที่หอพัก จึงทราบว่าคนที่ก่อเหตุคือนายแคปแฟนเก่า
”สาเหตุที่นายแค็ปแฟนเก่าก่อเหตุ คิดว่าเกิดจากการหึงหวง จนกลายเป็นหึงโหด เนื่องจากตอนอยู่ในวงสังสรรค์ นายแคปพยายามพูดคุยง้อขอคืนดี แต่ตนเองก็ไม่ได้พูดคุยหรือให้คำตอบใดๆ คาดว่าช่วงคุยโทรศัพท์กับนายโอแฟนหนุ่ม นายแคปแฟนเก่าคงจะได้ยิน และเกิดอาการหึงหวงขึ้น และช่วงที่ตนเองออกไปเอากุญแจให้แฟน นายแคปก็ตามออกตามมา แต่นายแคปบอกเพื่อนคนอื่นว่าจะไปหาเพื่อนข้างนอก ส่วนที่นายโอไม่ล็อคประตูห้องพัก เพราะนายโอคงคิดว่าตนเองจะกลับไปนอนที่ห้องพักด้วย นึกย้อนกลับไปก็รู้สึกกลัว หากคืนเกิดเหตุตนกลับไปนอนด้วย คงจะได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็ได้ ไม่นึกเลยว่านายแคป อายุเพียง 17 ปี จะมีจิตใจโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ ตอนคบหากันก็นิสัยน่ารัก พูดจาสุภาพ ไม่น่าใช่คนโหดร้าย ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อมา และยังไม่มีการเข้ามอบตัว พ่อแม่ตนก็ทราบเรื่องแล้ว และอยากให้กลับไปอยู่บ้าน แต่ตนก็ยังอยากจะเรียนหนังสือต่อ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้น ปวช.2”
ส่วนนายวรวุธฯ พ่อเลี้ยง เปิดเผยว่า คบหาและอยู่กินกันกับแม่ของนายโอมานานหลายปีแล้ว แม่นายโอมีลูกติดทั้งหมด 3 คน มีลูกสาว 2 คน ส่วนนายโอเป็นคนสุดท้อง ตนเลี้ยงนายโอมาตั้งแต่เด็ก รักเหมือนลูกแท้ๆ ตนเองและภรรยาทำงานอยู่กรุงเทพฯมานานหลาย 10 ปี ตนเองเป็นพนักงานขับรถเมล์ ภรรยาเป็นกระเป๋ารถ นายโอก็เรียนและอาศัยอยู่ด้วย นายโอเป็นคนเงียบ สุขุม ไม่ค่อยพูด ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครมาก่อน จนกระทั่ง 6 เดือนที่แล้ว โดยสถานการณ์โควิด นายโอลูกชายได้ขอย้ายกลับมาทำงานที่อุดรฯ ลูกชายเป็นพนักงานขายที่ห้างแห่งหนึ่งในตัวเมือง ตนเองและภรรยาก็ได้ย้ายตามมาเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ยังหางานทำอยู่
”ทราบข่าวว่าลูกชายถูกทำร้ายตอนประมาณ ตี 5 ตอนนี้อาการยังโคม่าอยู่ในห้องไอซียู ไปเยี่ยมก็ไม่ได้ ต้องรอรับโทรศัพท์จากหมอเท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากให้คู่กรณีออกมารับผิดชอบ มาพูดมาคุยกัน แต่ก็ยังยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะทำกับลุกชายรุนแรงเกินไป ส่วนเรื่องคดีความ หลังสอบปากคำแล้วเสร็จ ตำรวจจะได้ติดต่อไปยังผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุแล้ว ให้นำมามอบตัว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป”