เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 2 มีนาคม 2565 พ.ต.ท.ยืนยง คำบอน สว.สอบสวน สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภ.จ.อุดรธานี หลังได้รับการประสานจาก นายบุญชู จันทร์เจริญ ผญบ.บ้านโคกสะอาด ว่ามีเหตุไฟไหม้กระท่อมนาในป่าโคกวังฮู ท้ายหมู่บ้านหนองนาไฮ ม.3 ต.สุมเส้า อ.เพ็ญ โดยมีหญิงชราเสียชีวิตอยู่ในกองเพลิง จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ณภัทร จูมวันทา รอง ผกก. สอบสวน สภ.เพ็ญ ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.เพ็ญ และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน
ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากหมู่บ้านหนองนาไฮประมาณ 3 กิโลเมตร พบกระท่อมนาถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง เหลือเพียงสังกะสีอยู่ที่พื้น ข้างกระท่อมนาที่ถูกไฟไหม้ พบสามล้อเครื่องของผู้ตายถูกไฟไหม้ไปบางส่วน ก่อนพบศพ นางนาง สระอุบล อายุ 79 ปี ชาวบ้านโนนสะอาด ม.11 ต.สุมเส้า อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ถูกไฟคลอกไหม้เกรียมจนเห็นกระดูกบางส่วน อยู่ในลักษณะนอนหงายอยู่กลางกระท่อมนา ตรงบริเวณที่นอนของผู้ตาย ตำรวจจึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
นายสิทธิกร สระอุบล อายุ 16 ปี หลานชายผู้ตาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 14.30 น. ตนได้มาหายายที่กระท่อม เพื่อเอาเงินที่แม่ฝากไว้กับยายไปซื้ออะไหล่รถจักรยานยนต์ จำนวน 1,500 บาท แต่พอมาถึงก็พบไฟไหม้กระท่อมยายจนวอดทั้งหลัง และพบศพยายถูกไฟไหม้เกรียมอยู่ที่พื้น ก่อนจะพบหลานชายวัย 4 ขวบ ยืนอยู่หน้ากระท่อมหลังเล็กด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนที่ตนจะโทรศัพท์ไปบอกแม่ว่าไฟไหม้กระท่อมยาย และยายถูกไฟคลอกเสียชีวิตแล้ว
นางสุนา สระอุบล อายุ 45 ปี ลูกสาวผู้ตาย ให้การว่า เช้าวันนี้หลังจากทำกับข้าวและแบ่งไปกินมื้อเที่ยงกับลูกชาย ตอนนั้นไฟอยู่ในเตามีถ่านอยู่สองก้อน จึงได้เอากาน้ำอุ่นไว้บนเตา ก่อนออกไปทำงานเวลา 06.30 น. ไม่รู้ว่าแม่จะมาก่อไฟทำกับข้าวอีกหรือไม่ และตนคิดว่าต้นเพลิงน่าจะมาจากเตาถ่านที่อยู่ในครัว ที่มีกระสอบถ่าน 12 กระสอบ และที่ครัวมุงด้วยหญ้าคาด้วย ส่วนสาเหตุที่ทำให้แม่ถูกไฟคลอกตาย เพราะแม่ห่วงทรัพย์สินที่เก็บไว้ไต้ที่นอนมีสร้อยทองรูปพรรณหนัก 1 บาท 1 เส้น พระเลี่ยมทองหนัก 1 สลึง 1 องค์ และเงินสด 4,500 บาท ที่แม่เคยบอกกับตนเอาไว้
พ.ต.ท.ณภัทร จูมวันทา รอง ผกก.สอบสวน สภ.เพ็ญ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนและตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายมาปลูกกระท่อมนาอยู่ในพื้นที่ ศปก. ป่าโคกวังฮู จำนวน 10 ไร่ มาประมาณ 3 ปี เศษ หลังได้รับสิทธิเข้าในเนื้อที่ทำมาหากิน ปลูกข้าว 6 ไร่ ปลูกพืชผักสวนครัว และเผาถ่านฟืนที่เก็บจากป่าขาย โดยที่กระท่อมไม่มีไฟฟ้าใช้ เวลาทำกับข้าวจะใช้ถ่านฟืนประกอบอาหาร ซึ่งตอนเช้าลูกสาวที่อยู่ด้วยกันทำกับข้าวไปใส่บาตรพระหลวงพี่ แต่ลืมดับไฟในเตาที่อยู่ในครัวมุงด้วยหญ้าคา ก่อนจะออกไปทำงาน และส่งลูกสาววัย 9 ขวบไปโรงเรียน
”ส่วนผู้ตายหลังกินข้าวเสร็จ ได้อุ้มหลานชายวัย 4 ขวบ ไปนอนไกวเปลอยู่ในกระท่อมไม้หลังเล็กที่อยู่ใกล้กัน เนื่องจากกระท่อมหลังใหญ่ช่วงกลางวันจะร้อนอบอ้าว คาดว่าเวลาประมาณ 10.00 น. เพลิงได้ลุกไหม้จากบริเวณครัวข้างกระท่อมหลังใหญ่ที่มุงด้วยหญ้าคา และมีถ่าน 12 กระสอบ ที่เป็นเชื้อไฟอย่างดี เมื่อผู้ตายเห็นไฟกำลังลุกไหม้ได้วิ่งเข้าไปในกระท่อม เพื่อไปเอาทรัพย์สินมีค่าที่เก็บไว้ใต้ที่นอน และบอกให้หลานชายรออยู่ข้างนอก ทำให้สำลักควันไฟจนหมดสติก่อนจะถูกไฟคลอกนอนเสียชีวิตอยู่ในกองเพลิง ก่อนที่หลานชายผู้ตายจะมาพบ กระท่อมถูกไฟไหม้วอดคลอกยายเสียชีวิตแล้ว”
