ภาพจำของพสกนิกรชาวไทย เมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมร2 ศูาชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (พระพันปีหลวง) ตามเสด็จฯหรือประทับอยู่เคียงข้าง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎร ในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร ทรงเห็นผลงานหัตถกรรมพื้นบ้าน ที่ราษฎรในชนบททำขึ้นไว้ใช้ตามบ้าน เป็นงานฝีมือพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์ ทั้งจากการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น และเป็นศิลปะ ภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมาและบางอย่างกำลังจะสูญหาย
จึงทรงมีพระราชดำริอนุรักษ์ และฟื้นฟูงานฝีมือพื้นบ้าน โดยโปรดเกล้าฯ ให้เปิดสอนงานหัตถกรรมในหลายพื้นที่ และให้ก่อตั้งมูลนิธิขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 พระราชทานชื่อว่า “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในพระบรมราชินูปถัมภ์” เพื่อรวบรวมบรรดาผู้ที่มีฝีมือทั่วทั้งประเทศ ไปพัฒนาให้การทอผ้ามีคุณภาพ เป็นความต้องการของตลาด สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน จนเกิดมีแม่ครูหลวง แม่ครูช่าง ต่อยอดไปสู่เครือข่าย กระจายไปอยู่ตามภูมิภาค รวมทั้ง จ.อุดรธานี ศูนย์ศิลปะชีพไม่ได้มีเพียงแค่ที่ “กุดนาขาม สกลนคร” หรือไม่ใช่เพียงที่ “ศูนย์ศิลปะชีพ บางไทร”
ที่อุดรธานี…เกิดศูนย์ศิลปาชีพสำคัญขึ้น 2 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์ศิลปะชีพ บ้านนาตาด-นาโป่ง ม.7 ต.บะยาว อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และส่งเสริมอาชีพ ย้อนกลับเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2535 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระพันปีหลวง ทรงเสด็จฯเยี่ยมราษฎร ได้ทรงทราบถึงความเดือดร้อนในพื้นที่ จึงได้พระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชดำริ ให้จัดตั้งศาลาศิลปาชีพ เป็นสถานที่ฝึกหัดทอผ้าไหม โดยมอบหมายให้ กรมทหารราบที่ 13 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี จัดกำลังพลเข้ามาปฏิบัติงาน ให้ราษฎรมีรายได้เสริมในครัวเรือน นอกจากอาชีพหลักในการทำไร่ทำนา เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และป่าไม้

จากนั้นก็เป็นศูนย์ศิลปาชีพ บ้านกำแมด ต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เป็นศูนย์ฯที่มุ่งเน้นทำอาชีพ เกี่ยวข้องกับหม่อนไหม ก็เช่นเดียวกันเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 6 เมษายน 2536 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรป่าคำชะโนด และทรงเยี่ยมราษฎร อ.บ้านดุง พระองค์ฯได้นำกราบบังคมทูลสมเด็จพระพันปีหลวง ถึงความสนใจของราษฎรในพื้นที่ มีต่อศิลปะวัฒนะวัฒนธรรม โดยเฉพาะการทอผ้า และการจัดสรรไม้ไผ่ ซึ่งเป็นข้าวของเครื่องใช้ ตามวิถีชีวิตของราษฎร สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงรับทราบและมีพระให้ดำเนินโครงการศูนย์ศิลปะชีพที่บ้านกำแมด ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์
หลังจากโครงการศูนย์ศิลปะชีพบ้านกำแมดได้จัดตั้ง “สมเด็จพระพันปีหลวง” ได้เสด็จฯไปทรงเยี่ยมสมาชิกโครงการหลายครั้ง ครั้งแรก วันที่ 19 พฤศจิกายน 2538 ครั้งที่สอง วันที่ 17 พฤศจิกายน 2542 และครั้งที่สาม วันที่ 26 พฤศจิกายน 2548 โดยครั้งนี้ได้เสด็จฯเยี่ยมหมู่บ้านยากจน บ้านสายน้ำผึ้ง ต.บ้านจันทร์ อ.บ้านดุง
จากที่พระพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินมาทรงงาน และเยี่ยมผสกนิกรของพระองค์ ทำให้ศูนย์ศิลปะชีพบ้านกำแมด ได้รับการพัฒนาปรับปรุง อาทิ ศาลาทรงงาน , อาคารพิพิธภัณฑ์ , ห้องจัดแสดงพระราชกรณียกิจ กานรเสด็จทรงงานในพื้นที่ของจังหวัดอุดรธานี และศูนย์สาธิตผลิตภัณฑ์ โดยเน้นให้คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม พร้อมกับอนุรักษ์พื้นที่ทรงงานไว้ ให้เหมือนกับคราวที่สมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จมาทรงงาน เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์สืบไปอันจะนำมาซึ่งความรู้ความเข้าใจในน้ำพระทัยของสมเด็จพระ 1000 Peel และสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อพสกนิกรอย่างหาที่สุมิได้
ด้วยพระปรีชา ด้วยความห่วงใยผสกนิกรของพระองค์ จากงานผ้าทอมือในท้องถิ่น เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิต ถูกยกขึ้นเป็นงานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่า ถูกนำกลับไปบ่มเพาะ พัฒนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่ศูนย์ศิลปะชีพ ในพระราชินูปถัมภ์ จนเกิดเป็นครูหลวงครู ช่างส่ง ต่อไปยังคนรุ่นหลังสืบต่อไป …


