ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ สนง.จัดหางาน จ.อุดรธานี ถ.รอบเมือง ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง น.ส.หนูเอี่ยม เพชรแสง ภรรยานายคำสุด นครศรี แรงงานไทยที่เสียชีวิตในประเทศเกาหลีใต้ พร้อมลูกชายอายุ 5 ปี และครอบครัว เดินทางเข้าพบ ว่าที่ ร.ท.อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางาน จ.อุดรธานี เพื่อขอคำแนะนำการนำศพของนายคำสุดฯ กลับมาบ้านเกิดที่ ต.โพนงาน อ.หนองหาน เพราะสามีลักลอบเข้าเมืองไปทำงาน
ว่าที่ ร.ท.อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางาน จ.อุดรธานี ได้สอบถาม น.ส.หนูเอี่ยมฯ ทราบว่าเดินทางไปเมื่อเมษายน ปี 60 โดยนายคำสุดฯเคยไปทำงานมาหลายประเทศ แบบถูกกฎหมาย ที่ ไต้หวัน อิสราเอล ฟินแลนด์ ส่วนการไปทำงานที่เกาหลีใต้ ได้เสียค่าใช้จ่ายซื้อกรุ๊ปทัวร์เดินทางไป และได้หลบหนีไปทำงาน มีญาติที่ไปทำงานที่เกาหลีใต้แนะนำ โดยไปทำงานเป็นช่างเจียรเครื่องจักรหนัก โรงงานผลิตอะไหล่รถแบคโฮ ที่เมืองโพฮัง ได้เงินเดือนๆ ละกว่า 40,000 บาท
ครอบครัวรู้เรื่องนายคำสุดฯเสียชีวิต จากญาติที่ไปทำงานที่เดียวกัน และมีการโพสภาพและข้อความ ขอความช่วยเหลือนำศพกลับบ้าน โดยพ่อแม่และภรรยาต้องการนำศพกลับบ้าน มาทำพิธีฌาปนกิจตามประเพณีอีสาน ไม่ต้องการนำเป็นเถ้ากระดูกกลับมา ทาง สนง.จัดหางาน จ.อุดรธานี ได้นำไปยัง สนง.หนังสือเดินทางชั่วคราวอุดรธานี เพื่อประสานกับกรมการกงสุล และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อุดรธานี ให้ความช่วยเหลือตามสิทธิ ในฐานะที่เป็นคนไทยไปเสียชีวิตในต่างประเทศ
น.ส.หนูเอี่ยม เพชรแสง ภรรยานายคำสุดฯ เปิดเผยว่า สามีเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นคนแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว ปกติจะโทรศัพท์มาหาทุกวันๆละ 3 ครั้ง ก่อนเสียชีวิตคืนวันที่ 30 มิถุนายน สามีได้โทรศัพท์มาหา แต่ไม่พูดได้ยินแต่เสียหายใจ จนเช้าญาติที่ทำงานอยู่ด้วยโทรศัพท์มาบอก ว่าสามีนอนหลับแล้วเสียชีวิต ถามไปน่าจะเกิดจากทำงานมากเมื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ ที่คนไทยเรียกว่าไหลตาย ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก ลูกก็ยังเล็กกำลังเรียนหนังสือ และยังมีหนี้กับทาง ธกส.อยู่ราว 2 แสนบาท
“ สามีเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไปเกาหลีใต้ 1 แสนบาท และส่งเงินกลับมาบ้านเดือนละ 40,000 บาททุกเดือน อยากนำศพสามีกลับบ้าน เพราะต่อไปจะไม่ได้เห็นสามีอีกแล้ว เขาไปทำงาน หลายประเทศ เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว จึงอยากเห็นหน้าสามีเป็นครั้งสุดท้าย อยากนำเป็นศพกลับมา ทำพิธีตามประเพณี ขอฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยนำศพสามีกลับมาบ้าน ”
ว่าที่ ร.ท.อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางาน จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า นายคำสุดฯหัวใจวายเฉียบพลัน หลังตรวจสอบพบว่าลักลอบเข้าไปทำงาน จึงไม่มีสิทธิรับความช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ แต่เราได้ประสานไปยัง สนง.หนังสือเดินทางชั่วคราวอุดรธานี หน่วยงานกระทรวงการต่างประเทศในพื้นที่ ให้ครอบครัวของนายคำสุดฯไปพบ เพื่อขอความช่วยเหลือในการนำศพกลับมา มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นประมาณ 3 แสนบาท โดยทางครอบครัวพอมีกำลังในการหาเงินจำนวนนี้
“ อยากขอเตือนแรงงานที่จะไปทำงานต่างประเทศ แบบผิดกฎหมายไม่ว่าประเทศใดก็ตาม หากเกิดเหตุการณแบบนี้ขึ้น เราจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ขอให้ไปแบบถูกกฎหมายตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ ที่จะสามารถช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้นได้ทันที ทั้งนี้ก็ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวนี้ด้วย ที่ต้องเสียเสาหลักของครอบครัวไป ”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายฉัตรชัย ขุริดี แรงงานชาว อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ไปขายแรงงานที่ประเทศไต้หวัน ป่วยหนักจากอาหารเป็นพิษ หลังจากไปจับหอยในธรรมชาติมากิน จังหวัดอุดรธานีได้ให้ความช่วยเหลือ นำผู้ป่วยเดินทางกลับประเทศไทย ตามคำร้องขอของแม่และภรรยา ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุติดเชื้อในกระแสเลือด และไตวาย หลังจากนำนายฉัตรชัยฯ กลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
และนายสุรศักดิ์ อินทร์สาสะกุล อายุ 58 ปี แรงงานชาว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี แรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ประสบอุบัติเหตุตกบันไดขณะทำงาน กระดูกสันหลังหัก อาการสาหัสรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแรงงานเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ทางกระทรวงการต่างประเทศ ให้ประสานเข้ามาช่วยเหลือ โดยมีค่าผ่าตัดประมาณ 3.6 แสนบาท ทางกงสุลไทยแจ้งว่า กระรวงต่างประเทศมีขั้นตอนการช่วยเหลือ ด้วยการเข้าไปแจ้งรับผิดชอบผู้บาดเจ็บ เพื่อสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ยอดเงินเท่าใดผู้บาดเจ็บและญาติ จะจ่ายคืนให้กระทรวงต่างประเทศภายหลัง