เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายทองภูมิ สีแสง อายุ 52 ปี อยู่เลขที่ 131 บ้านหายโศก หมู่ 10 ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือตามหานายสุรเชษฐ์ สีแสง อายุ 31 ปี ลูกชายไปทำงานแถวภาคตะวันออก หายไม่สามารถติดต่อได้ 7 ปี มีชาวบ้านพบเป็นคนสติไม่สมประกอบเดินเร่ร่อนอยู่ในกรุงเทพฯ โดยมีนายตฤณ เบ็ญจจินดา นิติกรปฏิบัติการศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี รับเรื่องร้องทุกข์
นายทองภูมิ เล่าว่า ครอบครัวมีอาชีพทำนาฐานะยากจน มีลูกชาย 3 คน คนโตช่วยงานที่บ้าน คนเล็กกำลังเรียนหนังสือ นายสุรเชษฐ์ คนที่หายเป็นคนกลาง หลังเรียนจบ ม.6 ได้ไปทำงานเป็นพนักงานขับรถเครนที่บริษัทแอสคอนสตรัคชัน เดินสายทำงานอยู่แถวภาคตะวันออก ต่อมาได้แต่งงานมีครอบครัว หลังจากแยกทางกันเมื่อปี 2554 ลูกชายไม่เคยติดต่อกลับมาเลย รู้เพียงว่าไปทำงานอยู่แถวนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ แต่ก็ไม่ทราบที่อยู่แน่ชัด และติดต่อไม่ได้
นายทองภูมิ เล่าทั้งน้ำตาว่า ลูกชายไม่โทรศัพท์กลับมาหาพ่อแม่เลย ให้ลูกคนโตและลูกคนเล็กโทรก็ติดต่อไม่ได้ ได้แต่รอคอยให้ลูกบ้านมาเยี่ยมบ้าน กระทั่งเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีคนในหมู่บ้านที่ไปทำงานภาคตะวันออก เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน จึงไปสอบถามถึงลูกชาย ชาวบ้านบอกว่าลูกชายถูกทำร้ายร่างกาย จนสติไม่สมประกอบ เดินเร่ร่อนไปตามถนน ด้วยความเป็นห่วงจึงออกตามหา และมาแจ้งที่ สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี โพสต์ลงในโซเชี่ยล แต่ยังไม่พบ จึงมาขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมอุดรธานี
นายตฤณ เบ็ญจจินดา นิติกรปฏิบัติการศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานประกันสังคมจังหวัดอุดรธานี ขอให้ติดต่อไปยังบริษัทแอสคอนสตรัคชัน สอบถามถึงนายสุรเชษฐ์ ว่าทำงานอยู่ที่บริษัทหรือไม่ หรือย้ายไปทำงานที่ใด โดยให้นายทองภูมิไปคนถือหนังสือไปแจ้งที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอุดรธานี หลังเจ้าหน้าที่รับหนังสือ แจ้งให้นายทองภูมิ เดินทางกลับบ้านก่อน เมื่อติดต่อกับบริษัทได้แล้ว จะโทรศัพท์ไปแจ้งให้ทราบภายหลัง ซึ่งทำให้นายทองภูมิรู้สึกว่ามีความหวังที่จะได้พบลูกชายอีกครั้ง
