ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 ผู้สื่อข่าวเข้าพบ พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี นางอุไร ฉิมหลวง หรือ นกน้อย อุไรพร หมอลำดังคณะ “เสียงอีสาน” ยังไม่น้ำโฉนดที่ดินพื้นที่ 33 ไร่ มูลค่า 48 ล้านบาท มาคืนนางสุดารัตน์ ภูผานี อายุ 46 ปี นักธุรกิจในสหรัฐอเมริกา หลังจากถูกแจ้งจับข้อหาฉ้อโกง ยืมโฉนดไปจำนองนายทุน 3.8 ล้านบาท เวลาผ่านไปกว่า 3 ปี ตามที่ตกลงว่าจะนำมาคืนวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ฯ เปิดเผยว่า ทนายทั้งสองฝ่ายได้เจรจาตกลงกันว่า จะนำโฉนดมาคืนในวันที่ 13 กันยายน เมื่อถึงเวลากลับไม่มีการนำโฉนดมาคืน และทนายของคุณนกน้อยฯ ได้ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 25 กันยายน ก็ยังไม่มีโฉนดมาคืนอีก ซึ่งการเจรจาไกล่เกลี่ยได้ดำเนินการไปตามกรอบเวลา แต่ทางด้านคดี พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน เจ้าของคดีก็ดำเนินไป โดยเรียกพยานฝ่ายนางสุดารัตน์ฯ มาสอบสวนปากคำเสร็จแล้ว นอกจากนี้ยังได้เชิญนายทุนที่รับจำนองโฉนดมาสอบสวนปากคำด้วย
“ พนักงานสอบสวนสอบปากคำนายทุน พร้อมไกล่เกลี่ยคิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด และนำเงินดอกเบี้ยที่จ่ายทุกเดือนมาหักเงินต้น และดอกเบี้ยตามกฎหมายกำหนด ทำให้เหลือหนี้ที่จะต้องนำมาไถ่โฉนดที่ดินคืน 2.1 ล้านบาทเท่านั้น แต่คุณนกน้อยยังไม่ไปไถ่โฉนดคืน ทางพนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกมาพบ เพื่อสอบสวนปากคำครั้งแรก ในวันนี้ (28 ก.ย.) โดยตำรวจส่งหมายเรียกไปที่บ้าน แต่ทางคุณนกน้อยฯ ให้ทนายคนใหม่แจ้งว่า ขอเลื่อนนัดเพราะติดธุระ จะขอมาพบในวันที่ 30 ตุลาคม แต่ตำรวจสั่งให้มาพบเวลา 10.00 น.วันที่ 8 ตุลาคม และได้แนะนำให้นางสุดารัตน์ฯ นำเงินไปไถ่โฉนดที่ดินคืนมาก่อน เพราะถ้าคิดมูลค่าที่ดินแล้วมันต่างกันมาก ถ้าโฉนดหลุดมือไปจะไม่คุ้ม” พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ กล่าว
นางสุดารัตน์ฯ เปิดเผยที่บ้านพัก ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่า หลังจากที่ให้ทนายเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ปรากฏว่าแม่นกน้อยไม่มาไถ่โฉนดจากนายทุนคืนให้ และขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 25 กันยายน แต่ก็ยังไม่ได้เหมือนเดิม ซึ่งทราบว่าทนายแม่นกน้อยได้ขอถอนตัว เพราะทนายแนะนำอะไร แม่นกน้อยก็ไม่ยอมทำตาม ทำให้เสียคำพูดกับผู้ใหญ่ ส่วนตนได้เลื่อนตั๋วเครื่องบินกลับอเมริกาจากวันที่ 13 กันยายน มาเป็นวันที่ 4 ตุลาคม ซึ่งเลื่อนเป็นครั้งที่ 5 แล้ว และยังไปขอต่อสัญญากับนายทุนอีก 3 เดือน
“ นายทุนบอกจะต่อให้อีกเพียงเดือนเดียว ถึงวันที่ 25 ตุลาคมเท่านั้น ซึ่งตำรวจได้แนะนำให้ตนนำเงิน 2.1 ล้านบาท ไปไถ่โฉนดออกมาก่อน ถ้าตนมีเงินสดจะมาร้องทุกข์กับตำรวจทำไม หากถึงวันที่ 25 ตุลาคม ยังไม่ได้ที่ดินคืน และจะต้องถูกยึดที่ดินคงเสียใจ เพราะนายทุนให้ไปหาเงิน 2.1 ล้านบาทมาไถ่ถอน ก็ไม่รู้จะเอาจากไหน มันไม่ยุติธรรมสำหรับเราเลย ที่ว่าเราเป็นคนมาร้องทุกข์ แต่กลับมีทุกข์มากกว่าเก่า ”
นางสุดารัตน์ฯ บอกอีกว่า หลังจากแม่นกน้อยผิดนัด ไม่นำโฉนดมาคืน ทำให้เสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากฝากบอกแม่นกน้อยว่า เลิกโกหกได้แล้ว ให้ออกมารับผิดชอบ เมื่อครั้งที่แม่นกน้อยลำบาก เรายังออกมาช่วยเหลือ แต่ครั้งนี้เราลำบาก ต้องการนำโฉนดที่ดินไปแบ่งขาย นำเงินไปลงทุนทำธุรกิจที่อเมริกา ขอให้แม่นกน้อยช่วยไถ่โฉนดที่ดินให้คืน อีกทั้งนายทุนอุตส่าห์ลดหนี้ให้เหลือ 2.1 ล้านบาท ถือว่านายทุนถอยให้เยอะมากแล้ว แต่ให้ถึงวันที่ 25 ตุลาคม นี้ แม่นกน้อยก็น่าจะนำเงินมาไถ่โฉนดคืนให้ได้ เรื่องจะได้จบ เราจะได้กลับอเมริกาไปทำธุรกิจที่ทิ้งไว้หลายเดือนเสียที”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้ให้ผู้สื่อข่าวในพื้นที่คนหนึ่ง ที่สนิทสนมกับอาวทิดหลอด สามีของ นกน้อย อุไรพร เพื่อจะขอสัมภาษณ์นกน้อย อุไรพร อีกครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ คาดว่าอาจจะเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์มือถือไปแล้ว