ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ว่าช่วงเย็นวานนี้ (18.00 น.) นางอุไร ฉิมหลวง อายุ 61 ปี หรือ “นกน้อย อุไรพร” วงหมอลำเสียงอีสาน พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าของคดี ตามหมายเรียกถูกกล่าวหา ฉ้อโกงยืมโฉนดที่ดินนางสุดารัตน์ ภูผานี อายุ 40 ปี ชาวอุดรธานี นักธุรกิจในอเมริกา ไปจำนอง 3.8 ล้าน ผ่านมากว่า 3 ปียังไม่คืนและบ่ายเบี่ยง แม้จะเจ้าหน้านี้จะลดหนี้ลงเหลือ 2.1 ล้านก็ตาม โดย “แม่นกน้อย” ให้ปากคำ 1 ชั่วโมง ปฏิเสธ “ฉ้อโกง”
ต่อมาเวลา 14.00 น. วันนี้ นางสุดารัตน์ฯ เดินทางมาพบ พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อนำเอกสารหลักฐานให้กับทางพนักงานสอบสวน รวมทั้งให้ปากคำเพิ่มเติมอีก โดยการสอบปากคำใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นได้เข้าพบ พ.ต,อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อขอทราบแนวทางการดำเนินการ หลังจากที่ทาง นกน้อย มาพบพนักงานสอบสวน แล้ว
หลังจากนั้น นางสุดารัตน์ ภูผานี ให้สัมภาษณ์ว่า แม่นกน้อยเข้าพบตำรวจให้การปฏิเสธ ทั้งที่เขาให้เรารอถึงวันที่ 25 กันยายน จะหาเงินมาเคลียหนี้ให้ แล้วก็ขอร้องอย่าเพิ่งไปออกสื่อมวลชน เราก็ทำตามทุกอย่างแล้ว แต่พอถึงวันนัดก็เงียบ ไม่มีใครติดต่อมา วานนี้มาให้ปากคำว่า เป็นการร่วมลงทุนอีก มันเป็นไปไม่ได้ เราไม่มีประสบการณ์ จะเอาเงินให้เขาถือทำไม เราก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง จะร่วมลงทุนทำไมต้องหอบเงินไปให้เขา
“ เรามีหลักฐานเอกสาร คลิปเสียง ต่อไปให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เราก็ต้องยอมเสียเวลา ทั้งที่เสียความรู้สึกมากๆ ฝากถึงแม่นกน้อยอีกครั้ง ให้ยอมรับความจริง ที่เป็นสิ่งไม่ตาย สังคมก็ยอมให้อภัย แต่ถ้าตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จอีก สังคมก็จะประณาม ทุกวันนี้โลกโซเชียลไม่มีคนโง่ เขาดูออกว่าใครผิดใครถูก เราขอร้องเอาที่ดินมาคืนเท่านั้น ทราบว่ามีงานเยอะถึงปี 2564 กำลังใจก็เยอะแยะ ก็ขอให้โชคดี นำเงินมาใช้หนี้ อยากให้สาบานต่อหน้าพ่อปู่ศรีสุทโธ ถ้าใครพูดโกหกให้มีอันเป็นไป โดยจะเลื่อนตั๋วเครื่องบินกลับอเมริกาอีกครั้ง 30 ตุลาคมนี้ ”
พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำทั้ง 2 ฝ่าย ตำรวจก็จะทำสำนวนส่งให้ทางอัยการพิจารณา และส่งศาลดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายให้การอย่างไร เป็นสิทธิของแต่ละฝ่าย ไม่ใช่ทางตำรวจจะไปฟังคำให้การของใครเป็นพิเศษ ซึ่งทางตำรวจเราให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ความจริงน่าจะไกล่เกลี่ยกันได้ ให้คำแนะนำทั้ง 2 ฝ่าย เข้ามาไกล่เกลี่ยร่วมกัน แต่หากทำสำนวนจะใช้เวลาราว 30 วัน แต่หากทางผู้เสียหาย ต้องการที่จะฟ้องแพ่ง สามารถใช้หลักฐานที่มี ดำเนินการฟ้องเองได้